วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ การเก็งกำไรช่วงสั้น ให้น้ำหนักกับผลประกอบการมากขึ้น
แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ หนุนการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยี โมเดล GDPNow ของเฟดแอตแลนต้า ปรับคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3/67 สหรัฐฯ ขึ้นเป็น +3.2% (จากคาดการณ์เดิม +2.5% เมื่อ 1 ต.ค.)
ทั้งนี้ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งลดความกังวลของการเกิดถดถอยทางเศรษฐกิจ หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ ฟื้นตัวเด่นในคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นจิตวิทยาบวกกับการฟื้นตัวของหุ้นญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ฮ่องกง
ทางการจีนยังไม่ประกาศการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม การแถลงข่าวเศรษฐกิจของจีนเมื่อวาน (8 ต.ค. 67) โดยคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยมองเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการบริโภคและจ้างงาน โดยจะเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการที่ประกาศมาแล้ว ขณะที่มุ่งเน้นส่งเสริมการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าด้านนวัฒนธรรม ท่องเที่ยว และการกีฬา ขณะที่แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะบรรลุเป้าหมาย GDP ที่ 5% อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจผิดหวังที่ไม่มีการประกาศมาตรการเพิ่มเติม ทำให้ต้องระวังความผันผวนจากแรงทำกำไรหุ้นจีน รวมถึง DR อิงหุ้นจีนที่ขึ้นเด่นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
การเก็งกำไรให้น้ำหนักกับผลประกอบการไตรมาส 3/67 ที่กำลังจะประกาศ โดยกลุ่มที่เราคาดว่าผลประกอบการระยะสั้นแข็งแกร่ง หรือมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นต่อเนื่อง ได้แก่ สื่อสาร ค้าปลีก ขณะที่กลุ่มอาหาร BTG และ TFG อาจฟื้นตัวได้ดีกว่า CPF และ GFPT / อาหารสัตว์เลี้ยง ยังมีสัญญาณที่ดีทั้ง ITC, AAI / กลุ่มท่องเที่ยว กำลังเข้า high season อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตลาดติดตาม คือ ความเร็วในการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวในช่วง ต.ค. เทียบกับจำนวนต่ำสุดของปี ก.ย. ซึ่งตัวเลขสัปดาห์แรก ต.ค. +7.75% WoW หากสัปดาห์หน้ายังเดินหน้าขึ้นต่อ ในระดับ +/-10% หรือมากกว่า ตลาดจะเริ่มกลับมาให้น้ำหนักกลุ่มท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ภาพรวมกลยุทธ์ “แกว่งตัวในกรอบ 1,445-1,465 จุด เก็งกำไรหุ้นขนาดกลาง-เล็ก สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างกลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC //หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN // หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC
แนวรับ: 1,445 / แนวต้าน : 1,465 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BTG* (24) : กำไรไตรมาส 3/67 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง และเป็น Laggards play ในกลุ่มอาหาร ตัดขาดทุน 21.90 บาท
• SAMART* (8) : ผลการดำเนินงานได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐฯ และการได้รับโครงการใหม่ๆ ราคาปัจจุบันต่ำกว่า NAV ที่ 8-10 บาท ตัดขาดทุน 6.90 บาท
• TFG* (5) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 แข็งแกร่ง ขณะที่ไตรมาส 4/67 คาดได้แรงหนุนจากกำลังซื้อที่เพิ่มจากมาตรการการแจกเงิน ตัดขาดทุน 4.08 บาท
• VRANDA* (7) : ผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/67 ธุรกิจโรงแรมดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3/67 ขณะที่การโอนอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวช่วยผลักดันกำไรช่วงไตรมาส 4/ ตัดขาดทุน 5.15 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” เข้าไทย 9 เดือนแรก แตะ 26.6 ล้านคน สร้างรายได้ 1.24 ล้านล้านบาท
- ยังไม่ได้ข้อสรุปเลือก ”ประธานแบงก์ชาติ“ นัดแรก
- “เงินหยวน” อ่อนค่ามากสุดในรอบ 1 ปี ฉุด “สกุลเงินเอเชีย” อ่อนค่าตาม
- เวิลด์แบงก์ คาด “เศรษฐกิจเอเชีย” ชะลอตัวเหลือโต 4.4% ในปี 68 แรงฉุดเศรษฐกิจจีน
- เวิลด์แบงก์ คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2.4% ก่อนขยับเป็น 3%ในปี 68
- ครม.ไฟเขียวจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมแบบเหมาจ่าย 9,000 บาท/ครัวเรือน
- ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค เผย โซนเรสซิเดนส์ปิดการขาย 80%
- TRUE เตรียมออกหุ้นกู้ อายุ 2-10 ปี ดอกเบี้ย 2.95-4.10% เสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป 21-25 ต.ค.
- CPF แนะนำ “ซื้อ” เป้า 31 บาท/ KBANK แนะนำ “ซื้อ” เป้า 190 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ต.ค. – FOMC Minutes/ US CPI Inflation (Sep)