วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกรายตัว ภาพรวมหุ้นโลกแกว่งตัวตามผลประกอบการ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกรายตัว ภาพรวมหุ้นโลกแกว่งตัวตามผลประกอบการ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง กระทบต่อผลตอบแทนพันธบัตร ค่าเงินสหรัฐฯ และค่าเงินเยน สหรัฐฯ รายงานยอดค้าปลีก ก.ย. เพิ่มขึ้น +0.4% MoM มากกว่าคาดที่ +0.3% และเร่งตัวจาก ส.ค.ที่ +0.1% MoM

ตัวเลขยอดค้าปลีกแสดงถึงสัญญาณของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง แม้จะยังไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคาดการณ์การปรับลดดอกเบี้ยปีนี้ (อ้างอิงจาก FedWatch Tool ตลาดคาด ก.ย. ปรับลด 0.25% และ ธ.ค. อีก 0.25%) แต่ปัจจัยดังกล่าวเริ่มส่งผลต่อคาดการณ์เศรษฐกิจและดอกเบี้ยระยะยาว ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นและยืนเหนือระดับ 4% ตัวเลขดังกล่าวยังส่งผลให้ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และเงินเยนอ่อนค่าลงมากกว่า 150 เยน/ดอลลาร์  อีกครั้ง

ภาพรวมการรายงานผลประกอบการบจ.ต่างประเทศขนาดใหญ่ และในไทย ออกมาดี ได้แก่ 1) TSM รายงาน EPS ที่ 1.95 ดอลลาร์ฯ (สูงกว่าตลาดคาดที่ 1.79 ดอลลาร์ฯ) และให้มุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความต้องการที่เกี่ยวกับ AI 2) NFLX รายงาน EPS ที่ 5.4 ดอลลาร์ฯ (สูงกว่าตลาดคาดที่ 5.12 ดอลลาร์ฯ)  และให้มุมมองเชิงบวกในอนาคต คาดว่าจะเติบโตขึ้น 3) BBL รายงานกำไร ไตรมาส 3/67 ที่ 12.5 พันล้านบาท +6% QoQ, +10% YoY ดีกว่าที่เราและตลาดคาด 11% และ 9% ตามลำดับ โดยเป็นผลจากการเพิ่มของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ทั้งนี้ NPL ปรับเพิ่มเป็น 3.4% (จาก 3.2%) และไตรมาส 4/67 คาดจะอยู่ในช่วง 3.0-3.5% อย่างไรก็ตาม เราปรับลดคำแนะนำลงเหลือถือ เนื่องจาก 1) ไม่มีปัจจัยผลักดันระยะสั้นที่โดดเด่น 2) สัดส่วนเงินกู้ 44% เป็นลูกค้าธุรกิจ ที่จะได้รับผลกระทบจากการลดดอกเบี้ย

การปรับขึ้นมาในโซน 1,500-1,535 จุด เป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่อแรงทำกำไร ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นกว่า 200 จุดในช่วง 2.5 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ตลาดและนักลงทุนส่วนใหญ่คาด อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่จำนวนมากในระดับ 30%-50% ทำให้อาจต้องเริ่มระวังความผันผวนจากแรงทำกำไรที่จะตามมา การเก็งกำไรเน้นหุ้นที่ยัง Laggards หรือมีปัจจัยผลักดัน

 

ภาพรวมกลยุทธ์   “กรอบการเก็งกำไรยกขึ้นเป็น 1,460-1,535 จุด เลือกเก็งกำไรรายตัว สะสมหุ้นที่เข้าสู่ช่วง high season อย่างท่องเที่ยว การแพทย์ อาหารสัตว์เลี้ยงเราชอบ AOT, ERW, CENTEL, SPA, VRANDA, BCH, BDMS, ITC //หุ้นได้แประโยชน์ Data center: WHA, INSET, ITEL, MFEC, AIT, ICN, LTS // หุ้นต่ำมูลค่าทางบัญชี FLOYD, IND, BC

แนวรับ: 1,486 / แนวต้าน : 1,500-1,515 จุด 

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
 

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    BGRIM* (30) : คาดกำไรสุทธิ 3Q24 จะฟื้นตัวอย่างมีนัย และมองเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง ตัดขาดทุน 23.50 บาท
•    HMPRO* (12.1) : คาดยอดสาขาเดิมจะสามารถเติบโตได้ใน 2H24 จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ และผลบวกหลังสถานการณ์น้ำท่วม ตัดขาดทุน 10.40 บาท 
•    VRANDA* (7) : คาดผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลังของปี 67 เติบโตเด่น จากธุรกิจโรงแรมทีฟื้นตัว และการโอนอสังหาริมทรัพย์ใหม่ในช่วงปลายปี ตัดขาดทุน 5.40 บาท  
•    CKP* (4.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 คาดได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำที่มากเป็นพิเศษ  ตัดขาดทุน 3.66 บาท 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด นับเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2567 หลังเงินเฟ้อชะลอตัว
-    คลังเตรียมมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ชง สินเชื่อ “ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง” สำหรับบ้าน วงเงิน 5.5 หมื่นลบ. เข้าครม. เร็วๆนี้
-    "พีระพันธุ์" เล็งตรึงค่าไฟ-ดีเซลถึงสิ้นปีนี้ ลดต้นทุนค่าพลังงานช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
-    SCB ร่วมมือกับ Lightnet พัฒนาระบบชำระเงินข้ามพรมแดน ผ่าน stablecoin ในไทย
-    TSMC เผยกำไร Q3 พุ่ง 54% รายได้สูงเกินคาด แตะ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์
-    PLANB แนะนำ “ถือ” เป้า 9.00 บาท/ BBL แนะนำ “ถือ” เป้า 178 บาท/ SPALI แนะนำ “ถือ” เป้า 20.30 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 ต.ค. – New Car Sales (Sep) 
 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกรายตัว ภาพรวมหุ้นโลกแกว่งตัวตามผลประกอบการ วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เลือกรายตัว ภาพรวมหุ้นโลกแกว่งตัวตามผลประกอบการ