วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ BCPG - 3Q24F พลิกเป็นขาดทุนสุทธิ แต่กำไรหลักเด่น
ในวันที่ 6 พ.ย. คาดว่า BCPG จะมีผลขาดทุนสุทธิใน 3Q67F ที่ 107 ลบ. (เทียบกับ กำไรสุทธิ 1.2 พันลบ.ใน 2Q67 และ 565 ลบ. ใน 3Q66) เนื่องจากขาดทุน FX จำนวนมาก (จากค่าเงินUS$/THB แข็ง) และไม่มีกำไรจากการขายโครงการในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม กำไรหลักน่าจะอยู่ที่ 360 ลบ. (-27% YoY, +263% QoQ) คาดว่ากำไรหลัก 9M67F จะอยู่ที่ 803 ลบ. (+0.5% YoY) คิดเป็น 85% ของกำไรหลักปี 2567F
จุดเด่น - ช่วงฤดูกาลที่ดีของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้าก๊าซ
กำไรหลักที่เพิ่มขึ้น QoQ มาจากช่วงฤดูกาลที่ดีของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในลาว (114MWe) และโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ (857MWe) แต่ถูกลดทอนจากผลกระทบเต็มไตรมาสของโครงการโซลาร์ในไทยชุดสุดท้าย (40MWe) (Figure 6) การลดลง YoY อาจเป็นผลจากการหมดอายุโครงการที่มี adder (118MWe) เราประเมิน GPM ที่ 41.3% (เทียบกับ 34.3% ใน 2Q67 และ 55.0% ใน 3Q66) หลังจากขายโครงการโซลาร์ทั้งหมดในญี่ปุ่น (117MWe) เมื่อ 26 มิ.ย. 2567 จึงไม่มีการรับรู้รายได้ ใน 3Q67 อีกต่อไปแล้ว ทั้งนี้ BCPG น่าจะได้ประโยชน์จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น (+ประมาณ 10-20 ลบ. QoQ) และต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงจากกลยุทธ์การปรับโครงสร้างระหว่างรอก่อนการลงทุนโครงการใหม่
แนวโน้มเป็นอย่างไร...?
ภายใน 4Q67 BCPG ตั้งเป้าเพิ่มผลตอบแทนผ่านการลงทุนพลังงานสะอาดที่สำคัญในสหรัฐฯ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ลาว และไทย หลังจากขายสินทรัพย์โซลาร์ในญี่ปุ่นและการรีไฟแนนซ์ ในไต้หวัน โครงการโซลาร์เฟส 1 (50MWe) คาดว่าจะ COD ภายใน 2H68F โดยไม่คาดว่าจะมีการด้อยค่าเพิ่มเติม ส่วนกำไร 4Q67F น่าจะกลับมาเป็นบวก จากผลกระทบ FX ที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม กำไรหลักน่าจะลดลง QoQ เนื่องจากเป็นนอกฤดูกาลของโครงการหลัก ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวและโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ
Valuation & Action
เราคงคำแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท เราเชื่อว่าการขาดทุนสุทธิใน 3Q67F อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนในระยะสั้น บดบังผลบวกจากการลดดอกเบี้ยและโอกาสการควบรวมกิจการใหม่ อย่างไรก็ตามเรายังคงเห็น upside สำหรับกำไรหลักปี 2568F ไว้ที่ 13-15% จากแผนการ COD ก่อนกำหนดของโครงการ Monsoon wind farm (290MWe)
Risks
การปิดซ่อมบำรุงที่ไม่ได้วางแผนไว้ ต้นทุนที่เกินงบ และความผันผวนของ FX และอัตราดอกเบี้ย