วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ AAV ประมาณการ 3Q67F: คาดว่าจะมีกำไรสุทธิก้อนใหญ่
คาดผลประกอบการของ AAV จะแข็งแกร่งมากใน 3Q67F โดยจะมีกำไรสุทธิ 3.65 พันล้านบาท (ดีขึ้นอย่างมากจากขาดทุนสุทธิ 1.69 พันล้านบาทใน 3Q66 และกำไรสุทธิเพียง 84 ล้านบาทใน 2Q67)
แต่หากตัดกำไรพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนเกือบ 4.3 พันล้านบาทออกไป เราคาดว่า AAV จะมีกำไรปกติ 271
ล้านบาทใน 3Q67F (ดีขึ้นจากขาดทุนปกติ 802 ล้านบาทใน 3Q66 แต่ลดลงจากกำไรปกติ 310 ล้านบาท
ใน 2Q67) โดยสรุปแล้ว 3Q มักจะเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการชะลอตัวมากที่สุดในรอบปี แต่ในรอบนี้จะได้แรงหนุนจากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่ ซึ่งเกิดจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.3 บาท/ดอลลาร์ฯ ใน 3Q67 ทั้งนี้ Thai Air Asia (TAA) รักษาส่วนแบ่งตลาดในประเทศเอาไว้ได้ที่ 40% สิ้นงวด 2Q67 โดยมีจำนวนผู้โดยสาร 3.1 ล้านคน (+13% YoY) ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารเที่ยวบินระหว่างประเทศอยู่ที่ 1.8 ล้านคน โดย load factor อยู่ที่ 84% ซึ่งเมื่ออิงตามสถิติการดำเนินงานเบื้องต้นของบริษัทใน 3Q67 จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 4.89 ล้านคน (+7.2% YoY, -1.7% QoQ) และจำนวนเที่ยวบินอยู่ที่ 29,655 เที่ยว (+6.4% YoY, -1.1% QoQ) ในขณะที่ Load factor จากเครื่องบินที่มีการใช้งานอยู่ที่ 90% (ทรงตัว YoY, -1.1ppts QoQ) เราคาดว่ายอดขายของ AAV ใน 3Q67F จะอยู่ที่ 1.10 หมื่นล้านบาท (+14.1% YoY,-4.0% QoQ) ในขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 13.0% (จาก 0.3% ใน 3Q66 และ 13.1% ใน 2Q67) เราคาดว่ากำไรสุทธิของ AAV ใน 9M67F จะอยู่ที่ 3.32 พันล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุนสุทธิ 2.35 ล้านบาทในงวด 9M66 นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรปกติในงวด 9M67F จะอยู่ที่ 1.31 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนปกติ 593 ล้านบาทใน 9M66
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2567F ขึ้นอีก 25.4% และปี 2568F ขึ้นอีก 14.5%
เมื่อพิจารณาผลการดำเนินงานในงวด 9M67F และแนวโน้มระยะต่อไป เราคิดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ AAV จะออกมาแข็งแกร่งกว่าประมาณการเดิมของเรา เพราะ 4Q จะเป็นช่วงที่การท่องเที่ยวแข็งแกร่งตามฤดูกาล ดังนั้น เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นจากการ i) ปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น15.0% (จากเดิม 13.0%) และ ปี 2568F เป็น 15.5% (จากเดิม 13.5%) และ iii) ปรับลดสมมติฐานสัดส่วน SG&A/ยอดขายปีนี้ลงเหลือ 6.0% (จากเดิม 6.5%) ทั้งนี้ เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2567F เป็น 2.78 พันล้านบาท (+496.6% YoY) และปี 2568F เป็น 2.85 พันล้านบาท (+12.1% YoY)
Valuation & Action
เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทดีขึ้น YoY อย่างต่อเนื่อง เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยขยับไปใช้ราคา
เป้าหมายปี 2568 ที่ 3.60 บาท (อิงจาก EV/EBITDA ที่ 8x) จากเดิม 3.20 บาท (อิงจากประมาณการปี 2567)
Risks
COVID-19 ระบาด, เกิดปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่ และเกิดเหตุก่อการร้าย