วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ ORI ประมาณการ 3Q67F: ยังไม่ฟื้นตัว
พรีเซล 3Q67 ของ ORI ลดลง 32% YoY และ 16% QoQ อยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีการเปิดโคงการใหม่ ๆ เลยและตลาดอสังหา ฯ ชะลอตัว
ส่วนพรีเซล 9M67 แย่ลง 27% YoY ที่ 2.68 หมื่นล้านบาท (โครงการแนวราบ: -39%, โครงการคอนโด ฯ: -24%) เทียบกับการเปิดโครงการใหม่อยู่ที่ 1.155หมื่นล้านบาท โดยลดลง 62% YoY (โครงการแนวราบ: -91% และโครงการคอนโด ฯ: -46%)
คาดกำไร 3Q67F ชะลอต่อเนื่องฉุดให้ กำไร 9M67F ลดเหลือ 1.3 พันล้านบาท (-51% YoY)
เรามองว่ายอดโอนรวมอาจเพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY โดยส่วนใหญ่มาจากโครงการร่วมทุน (JV) ส่วนรายได้จากการขายอสังหาฯจากโครงการที่เป็นของบริษัทฯเองดูเหมือนจะลดลงอยู่ที่ 1.75 พันล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังคงถูกกดดันจากการแข่งขันรุนแรงในตลาด ขณะที่ รายได้ที่ไม่ใช่การขายอสังหาฯ (การบริการ โรงแรม และการจัดการโครงการ) ก็น่าจะซบเซา อย่างไรก็ดี ORI ยังคงคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวด ส่งผลให้ต้นทุนการเงินและค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง แต่ทว่า ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนและกำไรที่เกี่ยวข้องกับการตั้งโครงการร่วมทุนใหม่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ เราประเมินกำไร 3Q67F ที่ 400 ล้านบาท (-60% YoY และ -11% QoQ) ฉุดให้กำไร 9M67F ลดลงที่ 1.3 พันล้านบาท (-51%YoY) หรือคิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปีของเรา
กำไร 4Q67F จะฟื้นตัวจากฐาน 4Q66 ต่ำ
เมื่อเทียบกับกำไร 4Q66 ที่ต่ำมากเป็นพิเศษอยู่ที่ 47 ล้านบาทเกิดจากการเปลี่ยนแปลงข้อปฏิบัติทางบัญชี
ขณะที่ เราคาดผลประกอบการ 4Q67F น่าจะเพิ่มขึ้นจาก i) การเปิดโครงการใหม่ ๆ มีมากขึ้นมูลค่ารวมราว 1.26 หมื่นล้านบาท และ ii) โครงการคอนโด ฯ ใหม่ 3 แห่งมูลค่ารวมราว 5.5-6.0 พันล้านบาทที่จะโอนและบันทึกรายได้ ถึงแม้ว่า ORI จะปรับลด guidance ทั้งปีมาหลายครั้งแล้ว แต่ประมาณการของเรายังคงอนุรักษ์นิยมกว่าของบริษัทโดยต่ำกว่าราว 15-17%
Valuation & Action
ในบทวิเคราะห์หมวดอสังหา ฯ ของเราเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 67 เราได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567F ของ ORI ลง 20% และปี 2568F ลง 18% เมื่ออิงตามประมาณการใหม่ของเรา กำไรอาจลดลง 33% YoY อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำขาย และประเมินราคาเป้าหมายใหม่ปี 2568F ที่ 4.00 บาท อิงจาก discounted PE ที่ 5.0x (-1 S.D) ลดจากเดิม 4.50 บาท
Risks
ภาวะเศรษฐกิจ, ความหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล มาตรการปล่อยสินเชื่อเข้มงวดขึ้นท่ามกลางการยืดหนี้สินในระดับสูงของภาคครัวเรือน, อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นรวมทั้งการขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำ