วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.โกลเบล็ก TNP - ซื้อ
คาดกำไร 3-4Q67 จะเติบโตรายไตรมาส ทั้งปี 67 คาดกำไร 177 ลบ. เติบโต 14%
ประเด็นสำคัญในการลงทุน
• คาดการณ์กำไร 3Q67 ราว 43 ลบ. +29%YoY +3%QoQ: เราคาดการณ์รายได้ 3Q67 ราว 713 ลบ. +10%YoY +1%QoQ เติบโตแม้เป็น Low Season ที่เป็นฤดูฝน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ทำให้มีการเร่งกักตุนสินค้าจำเป็นมากขึ้น ส่วนสาขาที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมีทั้งหมด 3 แห่ง ใช้เวลาปิดปรับปรุงเพียง 3-10 วัน และมีการทำประกันรองรับไว้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังได้อานิสงส์จากมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ย. สะท้อน SSSG ที่เติบโต 1-2% รวมทั้งมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขาสู่ทั้งหมด 47 สาขา (+5 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) ส่วน %GPM คาดปรับดีขึ้นสู่ 17.3% (3Q66 = 16.3%, 2Q67 = 17.2%) จากประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ Economies of Scale ส่งผลให้เราคาดการณ์กำไร 3Q67 ราว 43 ลบ. +29%YoY +3%QoQ
• คงคาดการณ์กำไรทั้งปี 67 ราว 177 ลบ. +14%YoY: เราคงประมาณการรายได้ปี 67 ราว 2,873 ลบ. +10%YoY โดยคาดผลประกอบการจะเติบโตรายไตรมาสตั้งแต่งวด 3Q67 เป็นต้นไป และช่วง 4Q67 จะเข้าสู่ High Season ที่เป็นช่วงจับจ่ายใช้สอย และเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับยังคงได้อานิสงส์จากมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ที่กลุ่มผู้มีสิทธิ์เพิ่งได้รับเมื่อช่วงปลาย 3Q67 รวมทั้งรอบเก็บตกในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. นอกจากนี้ 4Q67 มีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 สาขา สู่ ณ สิ้นปี 67 ทั้งหมด 49 สาขา ส่วน %GPM คาดปรับดีขึ้นสู่ 17.2% จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 16.8% จากประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยเรายังคงคาดการณ์กำไรปี 67 ราว 177 ลบ. +14%YoY ทั้งนี้ ผลประกอบการดังกล่าวยังไม่รวมอัพไซต์จากมาตรการกระตุ้นการบริโภคที่อาจมีเพิ่มเติม อาทิ Easy E-receipt หรือ เงินสด 10,000 บาทเฟส 2 (รอบกลุ่มคนทั่วไป)
• คงคำแนะนำ “ซื้อ” และปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 68 ราว 5.00 บาทฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสม TNP โดยอิง Prospective P/E Ratio ที่ 21x ซึ่งเป็นระดับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 68 ที่ราว 0.24 บาทต่อหุ้น คำนวณเป็นราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 5.00 บาท จากราคาเหมาะสมเดิมของปี 67 ที่ 4.90 บาท โดยราคาหุ้นมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบันราว 43% และจ่ายปันผลในอัตรา 2-3% ต่อปี เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ปัจจัยเสี่ยง
i) แนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
ii) แผนการขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า
iii) การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมเริ่มชะลอลง
iv) ภาครัฐหยุดกระตุ้นเศรษฐกิจ
v) ภาครัฐปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ