วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector - ประมาณการ 3Q67F: การเติบโตแข็งแกร่ง QoQ

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector - ประมาณการ 3Q67F: การเติบโตแข็งแกร่ง QoQ

คาดว่า CH Karnchang (CK.BK/CK TB) จะรายงานกำไรสุทธิ 3Q67F ที่ 885 ล้านบาท (+81% QoQ และ +38% YoY) ธุรกิจหลักรับเหมาก่อสร้างมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นบ้าง โดยคาดรายได้ที่ 9.8 พันล้านบาท (+10% YoYและ +6.5% QoQ)

ซึ่งหลัก ๆ มาจากการก่อสร้างโครงการพลังน้ำที่เขื่อนหลวงพระบางรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงส่วนใต้และรถไฟทางคู่เด่นชัย ขณะที่ คาดอัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวที่ 7% มองด้านบวก CK ยังบันทึกเงินปันผลรับจาก TTW Plc (TTW.BK/TTW TB) อีกมูลค่า 233 ล้านบาท นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือของ CK น่าจะมีมากจาก Bangkok Express & Metro (BEM.BK, BEM TB) และ CK Power (CKP.BK, CKP TB) โดยน่าจะได้เห็นกำไร 3Q67F ถึงจุดพีคของปีนี้ที่ 1 พันล้านบาท และ 1.88 พันล้านบาท ตามลำดับ ส่วนโครงการพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบางที่เคยขาดทุนในช่วงก่อสร้างอาจพลิกกลับเป็นกำไรจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนก้อนใหญ่ (Figure 2) ทั้งนี้ กำไร 9M67F น่าจะอยู่ราว 1.5 พันล้านบาท (+11% YoY) คิดเป็น 88% ของประมาณการทั้งปีของเรา โดยปกติแล้ว 4Q67F จะเป็นไตรมาสที่ชะลอตัว ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กำไรจะลดลงทั้ง YoY และ QoQ

น่าจะได้เห็นกำไร 3Q67Fของ STECON ฟื้นตัว QoQ

สำหรับ STECON Group (STECON.BK/STECON TB) เรามองว่ารายได้อาจทรงตัว QoQ ที่ 8.4 พันล้านบาท แต่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำใน 2Q67 เกิดจากมีต้นทุนพิเศษที่โครงการอุโมงค์ระบายน้ำที่หนองบอน นอกจากนั้น เรายังคาดส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทในเครือจากการดำเนินงานรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพูและรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเหลืองลดลง ซึ่งจำนวนผู้โดยสารใน 3Q67 เพิ่มขึ้น 18% และ 28% QoQ ตามลำดับ โดยสรุป เราคาดกำไร 3Q67F ของ STECON ที่ 52 ล้านบาท (+104% QoQ แต่ -60% YoY) (Figure 3)

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector - ประมาณการ 3Q67F: การเติบโตแข็งแกร่ง QoQ

 

 

มูลค่าเซ็นสัญญาใหม่มีแนวโน้มเป็นจุดพีคสุดใน 3Q67F สำหรับ CK และ 4Q67F สำหรับ STECON

CK ได้ลงนามในสัญญาใหญ่ ๆ 2 ฉบับใหม่ ได้แก่ รถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม ของ BEM มูลค่า 1.09 แสนล้านบาท (ฝั่งตะวันตกและงาน M&E) และโครงการประปาของ TTW มูลค่า 448 ล้านบาทใน 3Q67 โดยล่าสุด CK ยังได้ลงนามในรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินของ BEM มูลค่า 6.8 พันล้านบาทอีกด้วย ส่วน STECON ได้ลงนามในสัญญาใหม่เล็ก ๆ หลายฉบับ มูลค่ารวม 2-3 พันล้านบาทใน 3Q67 แต่ยังมีแผนจะลงนามในสัญญาใหม่อีกอย่างน้อย 4.0 หมื่นล้านบาท ใน 4Q67 โดยเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานต่างๆโครงการสร้างอาคาร และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน (renewable energy plant) หลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างสมบูรณ์ STECON กำลังขยายสู่ธุรกิจพลังงานโดยการลงทุนในโรงไฟฟ้ากำจัดขยะขนาดเล็ก อีกทั้ง STECON กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจ Data Center โดยปัจจุบันถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน Data Center อยู่ 60% ซึ่งกำหนดเริ่มดำเนินการในปี 2569 และมีความสนใจในการให้บริการก่อสร้างแก่ Data Center ใหม่ๆที่กำลังจะมาลงทุนในประเทศไทย

Valuation & Action

ในระหว่างสองบริษัทที่เราศึกษาอยู่ เราชอบ STECON มากกว่า CK จากประเด็นการฟื้นตัวกำไรรายไตร
มาสและข่าวดีต่าง ๆ จากการลงนามในสัญญาใหม่มูลค่า 4.0 หมื่นล้านบาทใน 4Q67 ทั้งนี้ เราคงราคา
เป้าหมายที่ 10.40 บาท บนสมมติฐาน +0.5SD ของค่าเฉลี่ย PE ที่ 29x สำหรับกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี
2567F-2568F สำหรับธุรกิจหลักบวกกับการลงทุน 1.9% ใน Gulf Energy (GULF.BK/GULF TB) ส่วน
CK เราแนะนำถือ ประเมินราคาเป้าหมายที่ 21.40 บาท บนสมมติฐาน -1SD ของค่าเฉลี่ย PE ที่19x
สำหรับ EPS ปี 2567F-2568F เนื่องจากสัญญาใหม่หลัก ๆ ได้สะท้อนไปในราคาหุ้น CK แล้ว ในขณะที่
กำไรในรายไตรมาสช่วง 4Q67F – 1Q68F อาจดูยังไม่น่าตื่นเต้นมากนัก อย่างไรก็ตาม เราคงให้น้ำหนัก
ลงทุนกลุ่มนี้ที่ “เท่ากับตลาด ฯ”

 

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector - ประมาณการ 3Q67F: การเติบโตแข็งแกร่ง QoQ

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector - ประมาณการ 3Q67F: การเติบโตแข็งแกร่ง QoQ

 

 

Risks

ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้น