วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน
วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อน Sideway ในแดนลบ โดยมีแรงขายกดดันจากหุ้น DELTA ADVANC และ GULF หลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับ Fund Flow นักลงทุนต่างชาติไหลออก
ขณะที่ดัชนีได้รับ Sentiment เชิงบวก จากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมประจำวันที่ 6-7 พ.ย. และแรงซื้อในหุ้น CPAXT จากผลประกอบการ 3Q67 ดีกว่าคาดการณ์ เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,464.69 จุด -5.03 จุด -0.34% มูลค่าการซื้อขาย 49,115.58 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี +0.52 จุด +0.04%) Program Trading -2,056.55 ลบ. ต่างชาติ -1,581.84 ลบ. TFEX -26,818 สัญญา ตราสารหนี้ -6,396.16 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 259.65 จุด หรือ +0.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 1 ปีหลังจากพุ่งทะลุระดับ 6,000 จุดได้ในระยะสั้น ตลาดได้แรงหนุนจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันจะครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสเพิ่มความหวังเกี่ยวกับการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจ
+ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ยกย่องความกล้าหาญของทรัมป์เมื่อครั้งถูกลอบสังหาร รวมทั้งส่งสัญญาณว่ารัสเซียพร้อมที่จะเจรจากับว่าที่ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน
+ ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของรัฐบาลไทย (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating-IDR) ไว้ที่ BBB+ และแนวโน้มมีเสถียรภาพ
+ ททท. เปิดเผยว่า สถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทงปี 67 มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นโดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 1.99 ล้านคน-ครั้งเพิ่มขึ้น 9% และก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 6,990 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12%
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดร่วงลง 1.98 ดอลลาร์ หรือ -2.74% ปิดที่ 70.38 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 2% เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันของอุปทานน้ำมันที่เกิดจากพายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโก และนักลงทุนผิดหวังกับการเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดของจีน
- เกาหลีใต้ยิงขีปนาวุธฮยอนมู-2 (Hyunmoo-II) ลงสู่ทะเลเหลืองเมื่อวานนี้ (7 พ.ย.) เพื่อแสดงแสนยานุภาพหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้
- จีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.3%YoY ซึ่งชะลอลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.4%YoY ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า CPI เดือนต.ค.อาจจะทรงตัวเท่ากับในเดือนก.ย.
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบาการค้าของสหรัฐ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัท จดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,460-1,470 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• สินค้าส่งออกเดือนก.ย.ที่ยังเติบโต : ITC AAI STA NER TEGH STGT WFX
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากแผนลงทุน Data Center : WHA ADVANC GULF TRUE INSET
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• MSCI Rebalance (ใช้ราคาปิด25 พ.ย.) : MSCI Global Standard : เข้า - ออก SCGP MSCI Global Small Cap : เข้า CCET ออก TQM
หุ้นรายงานพิเศษ
DOHOME "ถือ" (Bloomberg Consensus 10.90 บาท มี Upside เพียง 5%)
"คาดแนวโน้ม 4Q67 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ"
•งวด 3Q67 มีกำไร 77 ลบ. -15%YoY -60%QoQ โดยมีรายได้ 7,505 ลบ. ทรงตัว YoY แต่ -8%QoQ โดยหลักมาจาก SSSG ที่หดตัว 4.5% จากการชะลอตัวของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ถูกชดเชยจากการเปิดสาขาใหม่สู่ทั้งหมด 39 สาขา (+7 สาขา YoY +2 สาขา QoQ) ส่วน %GPM ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 16.4% (3Q66 = 15.5%, 2Q67 = 17.5%) จากอัตรากำไรของสินค้า House Brand ที่สูงขึ้น แต่ลดลง QoQ จากราคาเหล็กที่ปรับลง ขณะที่ %SG&A เร่งขึ้นสู่ 14.7% (3Q66 = 13.1%, 2Q67 = 13.7%) จากการขยายสาขาใหม่และการทำโปรโมชั่น ทั้งนี้ งวด 9M67 มีกำไร 514 ลบ. +32%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 คาดเติบโตทั้ง YoY และ QoQ โดยหลักมาจาก SSSG เดือนต.ค.-พ.ย. พลิกเป็นบวกแล้ว มีปัจจัยสนับสนุนคือ 1) การเบิกจ่ายจากภาครัฐ และ 2) การซ่อมแซมหลังน้ำท่วมภาคเหนือ รวมทั้งมีปัจจัยฤดูกาลช่วยหนุนหลังผ่านพ้นหน้าฝน ทั้งนี้ Bloomberg Consensus
คาดกำไรปี 67 ราว 891 ลบ. +52%YoY (9M67 คิดเป็น 58%) แต่คาดว่าตลาดอาจมีการปรับลดประมาณการทั้งปี 67 เนื่องจากผลประกอบการ 3Q67 ที่อ่อนแอ ส่วนราคาเหมาะสม 10.90 บาท มี Upside เพียง 5% แนะนำ "ถือ"
ปัจจัยบวกระยะสั้น : มีโอกาสที่จะชง ครม.ประเด็นสินเชื่อกระตุ้นอสังหาฯ "ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง" ในสัปดาห์นี้ แต่ชื่นชอบ HMPRO มากสุด เนื่องจาก Valuation ถูกสุดในกลุ่ม (PE: HMPRO 20x, DOHOME 46x, GLOBAL 34x)
หุ้นมีข่าว
(+) CBG (Bloomberg Consensus 86.25 บาท) เผยผลงานไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทเท่ากับ 741 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +40% YoY ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 2567 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,060 ล้านบาท จากยอดเครื่องดื่มคาราบาวแดงหนุน คงราคาขายปลีกที่ 10 บาท แถมตลาดต่างประเทศ CLMV ฟื้นตัวดี ขณะที่ตลาดประเทศอัฟกานิสถานเติบโต 100%YoY (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SYNEX (Bloomberg Consensus 17.70 บาท) โดดรับต่างชาติย้ายฐานเข้าไทยแห่ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ชี้แววหนุนดีมานด์ฮาร์ดแวร์ทะยาน แถมตอกย้ำปี 2567 รายได้ตามนัด 4 หมื่นล้านบาท รับทรัพย์ไอที-โมบายพุ่งแรง แถมเดินหน้าเจาะตลาดเทรนด์ AI เสริมพอร์ตระยะยาวแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) NDR (Bloomberg Consensus - บาท) วางกลยุทธ์โตผ่าน 2 ธุรกิจใหม่ เมกะเทรนด์ตรวจสอบอิเล็กทรอนิกส์ รองรับ 5G ดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งเป้ากวาดยอดขายปีแรก 100 ล้านบาท และธุรกิจถ่านชีวมวล ชี้มีดีมานด์เพียบ อวดผลงาน Q3/2567 พลิกกำไร 111.45% หลังขยายฐานญี่ปุ่น-อังกฤษ ฟากบอร์ดไฟเขียวแจกวอร์แรนต์ฟรี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) PTG (Bloomberg Consensus 10.60 บาท) รุกขยายสาขาซับเวย์ต่อปีละ 50 แห่ง ยันเป็นมาสเตอร์ แฟรนไชส์ในไทย ส่วนกรณีร้านผู้ละเมิดสิทธิได้แจ้งเตือนไปแล้ว เผยบริษัท Subway แม่ในต่างประเทศกำลังเข้ามาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้แอบอ้างแบรนด์ ขณะที่เตรียมประกาศผลงานไตรมาส 3/2567 แย้มเป็นไปตามแผน ด้านโบรกมองประเด็นความกังวลถือเป็นจังหวะซื้อดักทางงบตั้งแต่ปลายปี (ที่มา ข่าวหุ้น)