วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี KCE - GPM ในอนาคตเป็นตัวชี้ชะตา
ฝ่ายบริหารยอมรับว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ (80% ของรายได้ KCE) ยังคงอ่อนแอ คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยในปี 2568 ก่อนที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2569
อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อว่าการควบคุมต้นทุนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2568 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 33 บาท เนื่องจากเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 3/2567 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด
ประเด็นสำคัญจากผู้บริหาร
มี 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1) กระบวนการเปลี่ยนเครื่องจักร HDI จะแล้วเสร็จในช่วง 1H25 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตของ HDI ได้ 30% 2) รายได้ใน 4Q24 อาจอ่อนตัวลง 5-7% จำก Demand ที่ทรงตัว และบริษัทตัดสินใจปิดโรงงาน 10 วันในช่วงวันหยุดปีใหม่ อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่า GPM จะปรับตัวดีขึ้นจาก 3Q24 เนื่องจากแผนลดต้นทุนและผลกระทบจากค่าเงินบาทน้อยลง และ 3) เป้าหมายรายได้ปี 2025 คาดเติบโตเพียง 0-5% ด้วย GPM 26% เทียบกับ 22.8% ใน 9M24 จากการลดต้นทุน และ 4) การฟื้นตัวเต็มที่ของอุตสาหกรรมยานยนต์จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
ปรับประมาณการลง
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2024 ลง 6% เป็น 1.8 พันล้านบาท (+15% yoy) เพื่อสะท้อน 1) แนวโน้มใน 4Q24 ที่ไม่น่าตื่นเต้น และ 2) ผลการดำเนินงาน 3Q24 ที่ต่ำกว่าคาด สำหรับปี 2025 เราปรับลดประมาณการกำไรลง 10% เป็น 1.9 พันล้านบาท (+7% yoy) เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวของรายได้เพียงเล็กน้อย เราปรับลดรายได้หลักเพื่อสะท้อน demand ที่อ่อนแอ แต่เพิ่มระดับ GPM เล็กน้อย โดยหวังว่าโปรแกรมลดต้นทุน เช่น การผสมเคมีภัณฑ์เองและลดจำนวนพนักงาน 15% จะช่วยหนุน GPM ในอนาคตได้
ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คงคำแนะนำ ซื้อ
แม้ว่าแนวโน้มของ KCE อาจไม่น่าตื่นเต้น แต่เรายังเชื่อมั่นในเรื่องการบริหารต้นทุนที่บริษัทสามารถปรับปรุงได้ในอนาคต ดังที่เราเห็นใน 2Q24 เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ KCE เนื่องจากเราเชื่อว่าผลประกอบการ 3Q24 น่าจะเป็นจุดต่ำสุด GPM มีโอกาสออกมาดีกว่าที่เราคาด หากมีการควบคุมต้นทุนได้ดี ราคาเป้าหมายใหม่ 33 บาท ของเราอิงจาก PER 20 เท่า (-1SD ของค่าเฉลี่ย) ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PER 18 เท่า (-1.25SD ของค่าเฉลี่ย)