วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway
วันพุธที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลง และเคลื่อนไหว Sideway ในแดนลบ ดัชนีปรับตัวลงต่ำสุดราว -12 จุด แรงขายหลักมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ตลาดกังวลประเด็นที่ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโก แคนาดาในอัตรา 25% และจีนเพิ่มอีก 10%
ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,430.40 จุด -7.85 จุด -0.55% มูลค่าการซื้อขาย 36,673.57 ลบ. Program Trading -929.45 ลบ. ต่างชาติ -89.02 ลบ. TFEX -15,688 สัญญา ตราสารหนี้ +965.74 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้มีการหยุดยิง ในฉนวนกาซา ทั้งยังแย้มถึงความเป็นไปได้ที่ซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้เป็นปกติ
+ ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 3% สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เนื่องจากก่อนหน้านี้บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า BOK จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.25%
+ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.7% ในไตรมาส 4/2567
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 138.25 จุด หรือ -0.31% ส่วนดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจชะลอ การปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 5 เซนต์ หรือ -0.07% ปิดที่ 68.72 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผย สต็อกน้ำมันเบนซินที่สูงเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 2.3%YoY ในเดือนต.ค. ซึ่งแม้ว่าสอดคล้องกับการคาดการณ์ ของนักวิเคราะห์ แต่ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่าในเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 2.1%YoY
- โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% นอกเสียจากว่าประเทศเหล่านี้จะยับยั้งไม่ให้ยาเสพติดเฟนทานิล (fentanyl) และผู้อพยพผิดกฎหมายหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ
- สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงสู่ระดับ 610,000 ยูนิตในเดือนต.ค. ดิ่งลง 17.3% เมื่อเทียบรายเดือน โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ เดือนธ.ค.2565 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 725,000 ยูนิต จากระดับ 738,000 ยูนิตในเดือนก.ย.
- สศอ.ปรับประมาณการดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 67 คาดว่า อยู่ที่ระดับ ติดลบ 1.6% จากเดิมคาดว่า จะติดลบ 1% ถึงไม่ขยายตัวเลย และการขยายตัว ของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ภาคอุตสาหกรรม จะติดลบ 1% จากเดิมคาดว่าจะติดลบ 0.5% ถึงขยายตัว 0.5% เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด นักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,420-1,440 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA
• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP
• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI
หุ้นรายงานพิเศษ
KTB "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 23.80 บาท upside 19%)
"กำไร 3Q67 +8%YoY -1%QoQ 9M67 +9%YoY"
•งวด 3Q67 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 11,107 ล้านบาท +8%YoY -1%QoQ แม้จะมีรายได้ดอกเบี้ยจากการดำเนินงาน +4%YoY +3%QoQ แต่มีผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) +2%YoY +4%QoQ %NPL = 3.14% เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.08% ณ ปลายปี 66 แต่ยังอยู่ ในกรอบเป้าที่ระดับต่ำกว่า 3.25% โดยมี Coverage Ratio 184% เทียบกับ 181% ณ ปลายปี 66 ยังอยู่ในระดับสูง งวด 9M67 มีกำไรสุทธิ 33,381 ล้านบาท +9%YoY
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในงวด 4Q67 และ ปี 68 และการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ภาครัฐสนับสนุนการเติบโต ของสินเชื่อมีโอกาสเติบโตจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐและ การเปิดประมูลโครงการภาครัฐขนาดใหญ่สนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 67 เฉลี่ย 42,195 ล้านบาท +15%YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 79% ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PBV 0.65x เท่ากับค่าเฉลี่ยของกลุ่ม โดยยังมี upside อีกราว 15% แนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BIZ (Bloomberg Consensus - บาท) เล็งโอกาสร่วมประมูลงานใหม่มูลค่ารวม 800-900 ล้านบาท ต่อยอด แบ็กล็อก 935 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าขยายเครือข่ายโรงพยาบาลมะเร็ง และการพัฒนาธุรกิจโรงพยาบาลเพื่อการรักษาในอนาคต รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3/2567 เติบโตอย่างโดดเด่น รายได้รวม 675.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.31% โดยมีกำไรสุทธิ 86.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86.87% จากปีที่ผ่านมาบริษัทคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2568 จะเติบโตเพิ่มขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CPN (Bloomberg Consensus 79.00 บาท) เปิดตัว "เซ็นทรัล มารีนา เอาต์เล็ต" เติมสีสัน-ดึงนักท่องเที่ยว-กระตุ้นเศรษฐกิจ ยกระดับเมืองพัทยาโตเต็มศักยภาพ รองรับการเติบโต EEC ตั้งเป้าทราฟฟิก 30,000-35,000 คนต่อวัน พร้อมชูความสำเร็จของเซ็นทรัลพัฒนาในพื้นที่ภาคตะวันออก(ที่มา ทันหุ้น)
(+) PRTR (Bloomberg Consensus 6.95 บาท) ชูธุรกิจ Outsource หนุนผลงานโค้งท้าย เตรียมส่งมอบพนักงานอีก 500 รายเกินเป้าที่ตั้งไว้ 18,500 ราย ขณะที่ธุรกิจใหม่รายได้พุ่งเท่าตัว 100% แย้ม PINNO ได้ลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง มั่นใจผลงานปีนี้โต 10-15% ส่วนปีหน้าหวังโตต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) HFT (Bloomberg Consensus - บาท) มั่นใจผลงานไตรมาส 4/2567 สดใส อานิสงส์ออเดอร์ยางนอก-ยางในรถจักรยานยนต์พุ่ง ฟากผู้บริหารประกาศพร้อมขยายตลาดยุโรป-อเมริกา เจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ รุกพัฒนาสินค้าไฮมาร์จิ้น แย้มอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจ New S-Curve สร้างการเติบโตยั่งยืน มั่นใจรายได้ทั้งปี 2567 เติบโต 10-15% ตามเป้า(ที่มา ข่าวหุ้น)