วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี AU คาดแนวโน้มดีต่อใน 4Q24F
เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 12.50 บาท (เดิม 11.50 บาท) จาก: (1) แนวโน้มที่แข็งแกร่งใน 4Q24F จากแนวโน้ม SSSG ที่ยังเป็นบวกต่อ การขยายฐานลูกค้า OEM และช่องทางจัดจำหน่าย และอัตรากำไรที่ดีขึ้น
(2) เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสำหรับปี FY24-26F สะท้อนผลประกอบการ 3Q24 ที่ดีเกินคาด การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าและอัตรากำไรที่สูงขึ้น; และ (3) เรายังชอบ AU จากแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของ AU ด้วยแบรนด์ที่มั่นคง การขยายช่องทางจำหน่ายและการปรับตัวได้เร็วของบริษัท
คาดแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งใน 4Q24F
เราคาด 4Q24 บริษัทจะยังคงเติบโต yoy, qoq จากการขยายรายได้ในทุกช่องทาง ได้แก่ (i) Desserts Café รักษา SSSG ที่เป็นบวก (เทียบกับ 4.5% ใน 3Q24) และขยายสาขาเพิ่ม 1-2 แห่ง เป็น 63 สาขาในปี 2024F โดยมีเป้าหมายเพิ่มอีก 10 สาขาในปี 2025F (ii) รายได้จากการขายสินค้า AU จะขยายการขายใน 7-Eleven เพื่อให้ครอบคลุม 14,000 สาขาภายในต้นปี 2025F (ปัจจุบัน 8,000 สาขา) รวมถึงการจับมือกับการบินไทยในการจำหน่ายขนมปังของ After You ในเที่ยวบินตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2024 ถึง 31 พฤษภาคม 2025 และวางแผนขยายฐานลูกค้า OEM เพื่อเพิ่มสัดส่วนช่องทางนี้จากปัจจุบัน 13% ใน 3Q24 (iii) บริษัทวางแผนรีแบรนด์ Mikka Café (iv) การขยายอัตรากำไร แม้อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อยเป็น 65.4% ใน 3Q24 (จาก 66.4% ใน 2Q24) เนื่องจากอัตรากำไรที่ต่ำลงจากการขายในร้านสะดวกซื้อ แต่บริษัทยังคงบันทึกอัตรากำไรสุทธิสูงสุดที่ 19.5% อันเป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาดและค่าใช้จ่ายในการขาย บริหาร และทั่วไป (SG&A) ที่ลดลงเมื่อเทียบกับยอดขาย
ปรับขึ้นประมาณการผลประกอบการสะท้อนรายได้และมาร์จิ้นที่ดีกว่าคาด
จากผลประกอบการ 3Q24 ที่ดีกว่าที่เราคาดไว้ 10% เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี FY24-26F ขึ้น 9-14% การปรับเพิ่มขึ้นนี้สะท้อนให้เห็นถึง: (i) การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย 4-7% ซึ่งขับเคลื่อนโดยยอดขายสำหรับร้านขนมหวานที่เติบโตกว่าคาด และการขยายช่องทางการขายสินค้าผ่านช่องทางต่างๆ เช่น 7-Eleven และสายการบินไทย และ (ii) อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น (65.5% ในปี FY24F, 64.7% ในปี FY25-26F) เนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นและผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด ดังนั้น เราจึงคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 18.4% ในปี FY24-26F เพิ่มขึ้นจาก 14.6% ในปี 2023
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 12.50 บาท (DCF)
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายที่ปรับขึ้นเป็น 12.50 บาท (จากเดิม 11.50 บาท) อิงจาก DCF โดยสมมติฐาน Rf 2.5% RPM 8% และ Beta 0.9 ซึ่งเทียบเท่ากับ 29 เท่า PER ปี 2024F และ PEG ที่ 1.5 เท่า โดยพิจารณาจากการเติบโตกำไร 19% yoy ในปี 2025F ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ การเติบโตของรายได้ที่ชะลอตัวและต้นทุนที่สูงขึ้น