วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีพักตัวหลังปรับตัวขึ้นแรงในวันอังคาร ประกอบกับนักลงทุนชะลอการลงทุนเนื่องจาก ติดวันหยุดคาบเกี่ยว มีแรงขายนำโดยหุ้น GULF และ ADVANC อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนี

ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เผยอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. สูงขึ้น 0.95% ตามตลาดคาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,450.82 จุด -3.94 จุด -0.27% มูลค่าการซื้อขาย 37,955.67 ลบ. Program Trading +436.17 ลบ. ต่างชาติ -762.69 ลบ. TFEX -13,554 สัญญา ตราสารหนี้ -420.67 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สหรัฐรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 55.0 ในเดือนต.ค.
+ พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติถอดถอนประธานาธิบดีเกาหลี ยุน ซอกยอล ต่อรัฐสภา หลังรัฐสภาลงมติคว่ำประกาศกฎอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดียุน
+ นักลงทุนในเอเชียประเมินข้อมูลการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนของญี่ปุ่น โดยการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 2.9%MoM ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัว 0.4%MoM
+ ททท.เปิดเผยว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวในปี 68 น่าจะมีทิศทางดีขึ้น เพราะมีปัจจัยหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของรัฐบาล รวมทั้งเป็นปีที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาเยือนไทยแตะ 40 ล้านคนเป็นครั้งแรกหลังเหตุการณ์โควิด
+ ในวันที่ 11 ธ.ค.นี้รมว.คลังพร้อมด้วย ธปท. และผู้บริหารสถาบันการเงินจะร่วมกันแถลงมาตรการแก้หนี้ของธนาคารพาณิชย์ ในส่วนของหนี้บ้าน หนี้รถยนต์ และ หนี้ SME อย่างเป็นทางการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกหนี้

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 248.33 จุด หรือ -0.55% โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ รวมทั้งการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนการประชุมในเดือนนี้ 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 24 เซนต์ หรือ -0.35% ปิดที่ 68.3 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากนักลงทุนประเมินว่าแนวโน้มอุปทานน้ำมันในปีหน้าอาจมีปริมาณมาก แม้ว่ากลุ่มโอเปคพลัสมีมติเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 3 เดือนจนถึงเม.ย. 2568 จากปัจจุบันสมาชิกโอเปคพลัสลดกำลังการผลิตรวม 5.86 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นราว 5.7% ของความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ซึ่งเป็นไปตามมาตรการที่ตกลงกันตั้งแต่ปี 2565 เพื่อพยุงตลาด
- สหรัฐฯ เปิดเผยว่าจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 9,000 ราย แตะระดับ 224,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 215,000 ราย
- ผลสำรวจภาคเอกชนระบุว่า กิจกรรมภาคบริการของจีนชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. เนื่องจากธุรกิจใหม่ซึ่งรวมถึงธุรกิจส่งออกปรับตัวลดลง ขณะที่เศรษฐกิจจีนเตรียมรับมือความผันผวนจากมาตรการขึ้นภาษีรอบใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ สมัยที่สอง

แนวโน้มตลาดวันนี้  

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยเราคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบางเนื่องจากติดวันหยุดคาบเกี่ยว ขณะที่ในประเทศยังขาดปัจจัยใหม่เข้ากระทบตลาด มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,445-1,460 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง : AMATA WHA ROJNA TLI BLA DELTA HANA

• รัฐเตรียมแจกเงิน 10,000 บาทให้กลุ่มผู้สูงวัย : CPALL CPAXT BJC TNP

• สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่เติบโตดี : STA NER TFG MALEE ITC AAI

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

COCOCO "ซื้อ" (Bloomberg consensus 13.35 บาท)
"กำไรสุทธิ 3Q67 -24%QoQ จากผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น
แต่ +13%YoY จากการเติบโตของยอดขายตลาดต่างประเทศ"

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

•กำไรสุทธิ 3Q67 เท่ากับ 172 ลบ. -24%QoQ แต่ +13%YoY มีรายได้รวมเท่ากับ 1,929 ลบ. +21%QoQ +49%YoY โดยหลักมาจากยอดขายน้ำมะพร้าว (สัดส่วน 55%) +21%QoQ +81%YoY จากการเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ยอดขายกะทิ (สัดส่วน 32%) +8%QoQ +14%YoY จากคำสั่งซื้อที่มากขึ้น และยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยง (สัดส่วน 11%) +114%QoQ +136%YoY จากการขยายช่องทางการขายได้มากขึ้น มี %GP เท่ากับ 25% ลดลงจาก 28% ใน 2Q67 และ 27% ใน 3Q66 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ ในการผลิตกะทิสูงขึ้น นอกจากนี้ ค่าเงินบาทมีความผันผวน ทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน +8003%QoQ และ +363%YoY สู่ 62 ลบ. ส่งผลให้มี %NP เท่ากับ 9% ลดลงจาก 14% ใน 2Q67 และ 12% ใน 3Q66 ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 9M67 เท่ากับ 603 ลบ. +72%YoY

ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อผลประกอบการ 4Q67 คาดอ่อนตัว QoQ เนื่องจากเป็นช่วง Low season แต่คาดยังเติบโต YoY จากการเติบโตของตลาดน้ำมะพร้าวต่างประเทศ สอดคล้องกับแผนออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ขยายช่องทางการขาย และขยายกำลังการผลิต โดย Bloomberg consensus คาดกำไรปี 67 เฉลี่ย 850 ลบ. +57%YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 71% ของประมาณการ ราคาหุ้น +52%YTD ซื้อขายที่ P/E 22x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ระดับ 24x ราคาเหมาะสม consensus 13.35 บาท มี Upside 14% เราจึงแนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) STECON (Bloomberg Consensus 9.10 บาท) เชื่อปีหน้างานภาครัฐ-เอกชนแห่ประมูลเพียบ หวังคว้างานใหม่ 4-5 หมื่นล้านบาท มุ่งโครงการขนาดใหญ่ คู่แข่งน้อย-มาร์จิ้นสูง จากคาดไตรมาส 4/2567 ได้เพิ่มราว 3 หมื่นล้านบาท ดันแบ็กล็อกสิ้นปีนี้แตะ "แสนล้านบาท" แย้มศึกษาลงทุนโครงการสาธารณูปโภคเพิ่มหลายดีล มุ่งเป็นเจ้าของสัมปทานเอง หวังดันรายได้ประจำเพิ่ม ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 กว่า 3 หมื่นล้านบาท เชื่อขาดทุนลดลง เหตุเคลมประกันซ่อมอุโมงค์บึงหนองบอน-รถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ผู้โดยสารเพิ่มต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) GULF (Bloomberg Consensus 65.00 บาท) ลั่นเป็นพันธมิตร NVIDIA ประกาศลงนามสัญญาให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์กับ Siam AI ซึ่งเป็นพันธมิตรรายแรกของ NVIDIA พร้อมหารือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรม พลังงาน โทรคมนาคม ทำความรู้จักบิ๊ก สยามเอไอ คือ หลานทักษิณ ด้าน ซีอีโอ NVIDIA ยก AI จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานเหมือนพลังงาน-โทรคมนาคม (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SYNEX (Bloomberg Consensus 17.70 บาท) โดดรับดีมานด์ สินค้าไอที-โมบายพุ่ง หนุนผลงานไตรมาส 4/2567 โตแรง แถมคอนเฟิร์มปีนี้รายได้ตามนัด 4 หมื่นล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมมองต่างชาติแห่ลงทุนดาต้า เซ็นเตอร์ ชี้เป็นโอกาสดันยอดฮาร์ดแวร์อนาคตสดใส (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FM (Bloomberg Consensus 6.40 บาท) รุกเจาะตลาดส่งออกใหม่ "ตะวันออกกลาง" หลังพบดีมานด์พุ่ง คาดเริ่มจำหน่ายไตรมาส 4/2567 หนุนรายได้ปีหน้าโต 10-15% จากปีนี้ ขณะที่สัดส่วนส่งออกแตะ 55% จากปีนี้อยู่ที่ 50% แย้มไตรมาส 4/2567 แกร่ง ด้วยยอดขายใหม่ๆ ในขณะที่ราคาวัตถุดิบทรงตัว ย้ำเป้ารายได้ปี 2567 ขยายตัวไม่น้อยกว่า 20% (ที่มา ทันหุ้น)