วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เฟดลดดอกเบี้ยน้อยกว่าคาด
เฟดส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยปีหน้าเพียง 0.50% ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% (ด้วยมติ 11 ต่อ 1) ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลดดลงค่อนข้างแรง ทั้ง DJIA (-2.58%), S&P500 (-2.95%) และ Nasdaq (-3.56%)
โดยมีสาเหตุสำคัญจาก 1) มุมมองดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล (Dot plot) ที่กรรมการส่วนใหญ่ (10 จาก 19 ท่าน) มองการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2568 เหลือเพียง 2 ครั้งหรือ 0.5% (ในขณะที่มีกรรมการ 5 ท่าน มองการปรับลดดอกเบี้ย 0.75% หรือมากกว่า) ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดค่าดว่าจะปรับลด 3-4 ครั้ง 2) การปรับคาดการณ์เงินเฟ้อ 2568 ขึ้นเป็น 2.5% (จากเดิม 2.1%) 3) มุมมองดอกเบี้ยระยะยาวขยับขึ้น // หลังแถลงการณ์ ผลตอบแทนพันธบัตร 10 สหรัฐฯ ขยับขึ้นแตะ 4.5% (จากต่ำสุด 3.6% ในช่วงปลาย ก.ย.) หุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ทั้ง เงินดิจิทัลและทองคำปรับตัวลดลง
กนง.คงดอกเบี้ยนโยบาย แต่ส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่ GDP ปี 68 อาจโตต่ำกว่า 2.9%: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ทั้งนี้โมเมนตัมเศรษฐกิจระยะสั้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ยังมีการขยายตัวแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น (เศรษฐกิจโลก, การกีดกันการค้า, ฯลฯ) ทำให้ GDP ปี 2568 อาจเติบโตต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ 2.9% ได้ ดังนั้นการคงดอกเบี้ยคือการที่ กนง.ให้น้ำหนักกับการรักษาเครื่องมือเพื่อดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเวลาที่จำเป็น (Policy space)
ภาพรวมกลยุทธ์ การลดดอกเบี้ยเฟดที่น้อยกว่าคาดรวมถึงปัจจัยในประเทศ อย่างการลดบัญชีมาร์จิ้นของ บล.ในประเทศแห่งหนึ่ง คาดสร้างแรงกดดันระยะสั้นต่อ SET อย่างไรก็ตามยังให้น้ำหนัก ตลาดมีโอกาสเกิดการฟื้นตัวจากโซน 1,365-1,390 จุด โดยยังมองกลุ่ม Earnings momentum play ใน 4Q67-1Q68 โดยเรายังคงชอบ หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก โดยคาดธนาคาร และการเงิน จะเป็นกลุ่มช่วยประคองบรรยากาศรวม // ผู้ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีควรทยอยซื้อ RMF, SSF, Thai ESG
แนวรับ: 1,365 แนวต้าน : 1,405-1,420 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• TTB* (1.90): การลดดอกเบี้ยที่ช้าส่งลดแรงกดดันของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายและ NIM ขณะที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4 แข็งแกร่งจากตั้งสำรองที่น่าจะทรงตัวถึงลดลง ตัดขาดทุน 1.78 บาท
• SIS (36) : ผลการดำเนินงานได้แรงหนุนจากรายจ่ายภาครัฐ และการเติบโตของธุรกิจคลาวด์ ตัดขาดทุน 29 บาท
• TLI (12.5) : ผลตอบแทนพันธบัตรที่ทรงตัวในระดับสูง เป็นบวกต่อผลตอบแทนการลงทุนของบริษัท ตัดขาดทุน 10.60 บาท
• SHR* (2.80): ผลการดำเนินงานปี 2568 มีโอกาสเติบโตขึ้นจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก 5-10% โดยเฉพาะโรงแรมในไทยและมอริเชียสที่ (ระดับ 20%) ตัดขาดทุน 2.30 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เฟดหั่นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งปีหน้า
- เฟดปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP สหรัฐ +2.5% ปีนี้ จากเดิม +2.0%
- จับตาคองเกรสเร่งผ่านกม.งบประมาณชั่วคราว ก่อนถูกชัตดาวน์สุดสัปดาห์นี้
- กนง.ส่งท้ายปี 67 มติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.25 % ต่อปี
- ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ $71 เมินสต็อกน้ำมันลดลงน้อยกว่าคาด
- ตลาด โกโก้ วิกฤติไล่ตามกาแฟ ราคาพุ่ง 180% ในปีนี้ เซ่นพิษสภาพอากาศเลวร้าย
- B.Grimm Power เปิดแผนลงทุนปี 2568 ทุ่มงบฯ 1.36 แสนล้าน ลุย 3 เรื่องสำคัญ รุกธุรกิจใหม่ “Data Center”
- ก.ล.ต.สั่ง CPAXT ชี้แจงข้อมูลการร่วมลงทุนในโครงการ The Happitat ภายใน 25 ธ.ค.67
- ตลท.ประกาศให้ BANPU,CCET,COM7,SAWAD เข้า SET50 รอบครึ่งแรกปี 68
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ธ.ค. – US PCE, JP Inflation
23 ธ..ค. – TH Exports