วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down ได้รับ Sentiment เชิงลบจากประธานเฟดส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA
ขณะที่วันนี้นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,335.64 จุด -7.55 จุด -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 29,535.48 ลบ. Program Trading +98.95 ลบ. ต่างชาติ +125.82 ลบ. TFEX -9,988 สัญญา ตราสารหนี้ -5,278.57 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 168.61 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดบวก ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) และเทสลา (Tesla) อย่างไรก็ดี ตลาดลดช่วงบวกหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 1 ก.พ.
+ สัญญาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ +0.15% ปิดที่ 72.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา โดยประเทศทั้ง 2 เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดให้แก่สหรัฐฯ
+ สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 220,000 ราย
+ กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์เริ่มส่งมอบตัวประกันชาวอิสราเอล 3 คนในฉนวนกาซาแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ 110 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของข้อตกลงหยุดยิง
+ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม ตามการคาดการณ์ของตลาด และเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567
+ สศค.คาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 68 จะขยายตัวได้ถึง 3.5% จากกรอบ 2.5 - 3.5% และมีค่ากลางเฉลี่ย 3% ได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคภาคเอกชน, การส่งออก, การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐและเอกชน ส่วนเศรษฐกิจไทยปี 67 โต 2.5%
ปัจจัยลบ
- สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 5.5%MoM ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 74.2 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ทรงตัว หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6%MoMในเดือนพ.ย.
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณามาตรการควบคุมเพิ่มเติมในการขาย ชิปของอินวิเดีย (Nvidia) ให้กับจีน โดยระบุว่าการหารือยังอยู่ในขั้นต้น
-ญี่ปุ่นรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) พุ่งแตะ 2.5% ในเดือนม.ค. ขยายตัวรายปีที่เร็วที่สุดในรอบเกือบปี และสูงเกินเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำหนดไว้มาก ส่งผลให้ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีสหรัฐ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในวันที่ 1 ก.พ. ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน มองกรอบดัชนี 1,330-1,340 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นเด่น IAA : AOT ADVANC BDMS CPALL
• Chat with Tony : VGI BTS BEM GULF INTUCH
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD
หุ้นรายงานพิเศษ
SNNP "ซื้อ" ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 14.85 บาท Upside 21%
"consensus คาดกำไร 4Q67 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY"
•บริษัทมีรายได้ 9M67 เท่ากับ 4,335 ลบ. -1%YoY โดยมีรายได้จากการขายในประเทศ (สัดส่วน 78%) เติบโต 3%YoY เนื่องจากการส่งเสริมการขาย และการออกสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ขณะที่รายได้จากต่างประเทศ (สัดส่วน 22%) ลดลง 14%YoY เนื่องจากบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการการกระจายสินค้า ในประเทศเวียดนาม อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 29.5% เพิ่มขึ้นจาก 28.3% ใน 9M66 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 483 ลบ. +3%YoY คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 11.1% เพิ่มขึ้นจาก 10.7% ใน 9M66
•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 4Q67 โดยคาดว่าจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จาก 1. เข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในช่วงปลายปี 2. อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ 3. รายได้จากประเทศเวียดนามเริ่มกลับเข้ามา หลังบริษัทจัดการกระจายสินค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 4. การบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิ 4Q67 เฉลี่ย 176 ลบ. +8%QoQ และ +7%YoY ปี 67 เฉลี่ย 663 ลบ. +4%YoY กำไร 9M67 คิดเป็น 73% ของประมาณการ ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 18x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม 22x ราคาเหมาะสม 14.85 บาท มี Upside 21% เราจึงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) ADVANC (Bloomberg Consensus 300.00 บาท) คาดผลงานไตรมาส 1/2568 เติบโตรับอานิสงส์มาตรการลดหย่อนภาษี Easy E-Receipt ดันยอดขายโตขึ้น 2 เท่า เตรียมขยายสู่ธุรกิจค้าปลีกขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ รวมถึงอุปกรณ์เสริม แกดเจ็ต ต่างๆ ทำให้ยอดขายต่อตารางเมตรมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมกับได้จัดงานไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2025 หวังเม็ดเงินสะพัดกว่าร้อยล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BKGI (Bloomberg Consensus 2.80 บาท) ตั้งเป้าปี 2568 รายได้เติบโตราว 20-25% จากปีก่อน จากกลุ่มให้บริการตรวจ ขยายตัว-เพิ่มบริการใหม่นอกจากจัดจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เล็งทุ่มงบลงทุนสร้างห้องแล็บใหม่ ตรวจมะเร็งเพิ่ม เผยดีล "โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์" ฉลุย ปูทางต่อยอดเพิ่ม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MBK (Bloomberg Consensus - บาท) ตั้งเป้ารายได้กลุ่มธุรกิจโรงแรมเติบโต 6-7% YoY หนุน จากการปรับปรุงโรงแรมปทุมวันปริ๊นเซสแล้วเสร็จ พร้อมเดินหน้าทยอยปรับปรุงโรงแรมในจังหวัดกระบี่ 2 แห่งต่อเนื่อง มั่นใจไม่กระทบอัตราการเข้าพักโดยรวม ด้านธุรกิจศูนย์การค้าปริมาณทราฟฟิก เติบโตรับโครงการลดหย่อนภาษีอิเล็กทรอนิกส์ Easy E-Receipt ปลื้มยอดขายต่อใบเสร็จร้านค้าพันธมิตรเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MINT (Bloomberg Consensus 38.00 บาท) ขยายฐานธุรกิจโรงแรมในประเทศญี่ปุ่น ผนึกพันธมิตรจัดตั้งบริษัทร่วมทุน พร้อมจับมือกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้ 3 แบรนด์ อนันตรา (Anantara) อวานี (Avani) และทิโวลี (Tivoli) โดยมีสัญญาบริหารจัดการและสัญญาเช่า ตั้งเป้าขยายพอร์ตโฟลิโอให้ครบ 21 แห่งภายในปี 2578 (ที่มา ทันหุ้น)