วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ควรเพิ่มความระวัง หรือแบ่งทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสาร

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ควรเพิ่มความระวัง หรือแบ่งทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสาร

ตัวเลขเศรษฐกิจและสัญญาณจากตลาดเงินตลาดทุนผสมผสาน ได้แก่ 1) การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ม.ค. เพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่ง (สูงกว่าคาดการณ์ ที่ 150,000 ตำแหน่ง และ ธ.ค. ที่ 176,000 ตำแหน่ง)

2) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรล ความกังวลสงครามการค้าอาจกดดันต่ออุปสงค์  3) อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ปรับลดลง เหลือ 4.40% เช้านี้ (จากวานนี้ที่ 4.59%) ซึ่งอาจมองเป็นสัญญาณที่นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตร แสดงถึงความกังวลต่อสงครามการค้า 4) ตัวเลขขาดดุลการค้า ธ.ค. ที่ 9.84 หมื่นล้านเหรียญ +24.7% สูงที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี// สัญญาณเศรษฐกิจโดยรวมผสมผสาน อย่างไรก็ตามตัวเลขขาดดุลการค้าที่สูง สร้างแรงกดดันให้ตลาดคาดการณ์สหรัฐฯ จะดำเนินการใช้สงครามการค้าเป็นเครื่องมือต่อรองกับประเทศต่างๆอย่างเข้มข้น 

ยังคงติดตามผลประกอบการและความเสี่ยงการเกิด De-rating: ผลประกอบการหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) รายงานผลประกอบการ 267 บริษัท รายได้มากกว่าคาดเฉลี่ย 1.21% ขณะที่กำไรมากกว่าคาดราว 7.41% ซึ่งมาจากการรายงานกำไรที่ดีของกลุ่ม Consumer Discretionary (+31.48%), Basic Material (+19.60%) และ Financials (+12.91%) ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี (+4.92%) กำไรดีกว่าคาดเพียงเล็กน้อย ด้วย Valuation ที่แพง ทำให้ต้องระวังความผันผวนที่อาจจะมากขึ้น ซึ่งจะเริ่มเห็นความผันผวนของกลุ่มเทคโนโลยีหลังการรายงานผลประกอบการ (แม้งบจะออกมาดี) ไม่ว่าจะเป็น MSFT, GOOG, AMD เป็นต้น ประเมินความเสี่ยงการเกิด De-rating (ตลาดให้ PER ลดลง) จะเป็นความเสี่ยงสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในระยะเวลาอันใกล้นี้

ตลาดหุ้นไทยเกิด De-rating จากภาพระยะกลาง ขณะที่ระยะสั้นถอยลงมาอยู่ในระดับ Valuation ที่น่าจะมีโอกาสเลือกรายตัว: บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยชะลอตัวลงจากความกังวลโมเมนตัมเศรษฐกิจไตรมาส 4/67 ที่ชะลอ อาจทำให้ GDP ปี 2568 ไม่ถึงเป้า 2.9% ส่งผลให้หุ้นหลายกลุ่มเกิด De-rating ลงแรง อย่างไรก็ตาม ในระดับปัจจุบันหุ้นหลายตัวเริ่มให้ผลตอบแทนปันผลในระดับ 5% ขณะที่ Valuation ลดลงมาอยู่ใน

ระดับที่ไม่สูงเกินไป เรามองกลยุทธ์จะเป็นการเลือกรายตัวที่มีความเสี่ยงต่ำ (งบดี / ไม่แพง / ปันผลสูง) ขณะที่อาจต้องระวังกลุ่มธนาคารและสื่อสาร ที่ Outperform มานาน อาจเริ่มมีแรงทำกำไรสลับ อาจกดดัน SET Index หลุด low เดิมที่ 1,274 จุดได้     

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัวในกรอบ 1,265-1,310 จุด ระวังก่อนอ่อนตัวของธนาคารและสื่อสาร เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มกลับมาน่าสนใจ 

แนวรับ: 1,265-1,274   แนวต้าน : 1,310 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    OSP (18): ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดทรงตัว แต่ราคาปรับลดลงแรง จน ซื้อขายเพียง 16x PER ขณะที่ให้ผลตอบแทนปันผลประมาณ 5%  ตัดขาดทุน 14.90 บาท 
•    BAM* (6.50): ราคาปัจจุบันซื้อขายเพียง 0.43x PBV และ 12x PER คาดผลตอบแทนปันผลที่ 5.5% ตัดขาดทุน 5.35 บาท
•    M (20) : ราคาที่ปรับลดลงสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวไปแล้ว บริษัทปลอดหนี้ กระแสเงินสดอิสระที่ประมาณ 15% ทำให้มีโอกาสจ่ายปันผลสูง ตัดขาดทุน 16.80 บาท
•    BTG (21) : คาดกำไร 4Q67F เพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรยังปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ตัดขาดทุน 16.30 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ทรัมป์ ประกาศจะเข้ายึดครอง ฉนวนกาซา / จีนค้าน
-    เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐ +2.9% ใน Q1/68
-    ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค.
-    ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท เฟส 3 มาแน่ ระบบเสร็จแล้ว คาดเริ่มแจก ไตรมาส 2/68
-    คลังยังไม่พบ สินค้าจีน ทะลักเข้าไทย ตั้งคกก. จับตานโยบายทรัมป์ 2.0
-    นิสสัน ล้มดีลควบรวมกิจการ ฮอนด้า ปมเจรจาไม่ลงรอย ยันไม่ยอมเป็นบริษัทลูก

-   "อูเบอร์" เผยรายได้สูงกว่าคาดใน Q4/67

-    หุ้น Novo Nordisk บวก 4.5% หลังกำไร Q4/67 ดีเกินคาด, ยอดขายยา Wegovy พุ่ง
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : PLANB แนะนำ ซื้อ เป้า 9 บาท/ MENA แนะนำ ซื้อ เป้า 1.60 บาท 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

6 ก.พ. – BoE Interest Rate Decision
7 ก.พ. – US Non Farm Payrolls (Jan)/ US Unemployment Rate (Jan)
 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ควรเพิ่มความระวัง หรือแบ่งทำกำไรหุ้นธนาคารและสื่อสาร