วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ออกข้าง

วันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี Rebound โดยในช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนบวก จาก Fund Flow ที่ไหลกลับเข้ามา แต่ยังคงมีแรงขายจากกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอน ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้อย่างจำกัด

ขณะที่ช่วงบ่ายมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่ม Big-Cap นำโดย DELTA และ CPALL ทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตามนักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,282.09 จุด +20.02 จุด +1.59% มูลค่าการซื้อขาย 57,593.92 ลบ. (ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี -32.41 จุด -2.53%) Program Trading +2,349.93 ลบ. ต่างชาติ +1,032.80 ลบ. TFEX +16,670 สัญญา ตราสารหนี้ +1,011.94 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ สัญญา WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. ปิดเพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ +0.55% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดลงในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ของปธน.โดนัลด์ ทรัมป์กับจีน และการขู่เรียกเก็บภาษีกับประเทศอื่นๆ
+ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนม.ค.เพิ่มขึ้น ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.5%YoY ในเดือนม.ค. สูงสุดในรอบ 5 เดือน เร่งตัวขึ้นจากเดือนธ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 0.1%YoY และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%YoY ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยังคงเผชิญภาวะเงินฝืด โดยการใช้จ่าย ช่วงเทศกาลมีสัญญาณที่ดีขึ้น หลังรัฐบาลทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
+ สำนักข่าวนิวยอร์กโพสต์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ กล่าวว่า พูดคุยทางโทรศัพท์กับวลาดิเมียร์ ปูติน ปธน.รัสเซีย เพื่อหารือเกี่ยวกับการยุติสงคราม ในยูเครน
+ นายกรัฐมนตรีของไทยสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวเมืองไทย โดยบอกว่าตัวเองมี "สายเลือดจีน" และดูแลเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับชาวจีนด้วยตัวเอง

 

 

+ สศอ. เปิดเผยว่าปี 2568 อุตสาหกรรมเด่นที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง คือ 1.อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2, โครงการ Easy E-Receipt 2.0 และกระแสซอฟต์พาวเวอร์ คาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาทช่วยกระตุ้นธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกในประเทศ

ปัจจัยลบ

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 444.23 จุด หรือ -0.99% หลังจากปธน.โดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่าเขาวางแผนที่จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศใน สัปดาห์หน้า ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ
- สหรัฐฯ เปิดเผยว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 169,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 307,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
- ปธน.ทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ภายในสัปดาห์นี้กับประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ โดยจะมีผลบังคับใช้ ในเร็ว ๆ นี้
- ตลท. สรุปมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตามกลุ่มนักลงทุนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม- 7 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,134.72 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 47.01 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 8,840.86 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 12,022.60 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยมีแรงกดดันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาวางแผนที่จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศในสัปดาห์นี้ ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนอย่างใกล้ชิด มองกรอบดัชนี 1,275-1,290 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

 

• หุ้นที่ได้ประโยชน์โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” : KBANK SCB BBL TTB
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• Sentiment เชิงบวกจาก บ้านเพื่อไทย : CK STECON CRD
• หุ้นปันผลสูง : SCB TISCO LH RATCH EGCO

หุ้นรายงานพิเศษ  

TACC "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5.80 บาท มีอัพไซต์ 45%
"มุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้ม 4Q67 ส่วนปี 68 คาดเติบโตราว 10%"

•คาดแนวโน้มกำไร 4Q67 เติบโตเล็กน้อย YoY และ QoQ โดยหลักยังคงเติบโตควบคู่กับการขยายสาขา 7-Eleven อีกราว 180 แห่ง ประกอบกับเข้าสู่ High Season ของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม คาดจะได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักในโซนภาคเหนือและภาคใต้ ประกอบกับมีต้นทุนวัตถุดิบบางรายการที่ ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ %GPM ปรับลงต่ำกว่าระดับปกติที่ 33% สู่ราว 32% โดยเราคาดการณ์กำไรปี 67 ราว 255 ลบ. +24%YoY (9M67 คิดเป็น 75% ของประมาณการดังกล่าว)

ความเห็น เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้ม 4Q67 ส่วนปี 68 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องราว 10% จากการขยายสาขา 7-Eleven เฉลี่ยปีละ 700 แห่ง และการเป็นพาร์ทเนอร์กับร้านกาแฟพันธุ์ไทย ที่มีแผนขยายสาขาเชิงรุกจาก 1,282 แห่งในปี 67 สู่ราว 5,000 แห่งในปี 70 แต่คาด %GPM อาจต่ำกว่าระดับ 33% เนื่องจากราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวสูง อย่างไรก็ตาม เราชื่นชอบ TACC ในแง่สินค้าที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายผ่านร้าน 7-Eleven และราคาไม่แพง ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่วนราคาเหมาะสม 5.80 บาท มีอัพไซต์ 45% รวมทั้งจ่ายปันผลในอัตรา 8-9% ต่อปี แนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) SNPS (Bloomberg Consensus 6.60 บาท) ตั้งเป้าปี 2568 โตต่อ 30% พบสัญญาณลูกค้าใหม่พุ่งชน คาดรายได้เร่งตัวในปี 2569 หลังทยอยติดตั้งเครื่องจักรสมบูรณ์ เปิดแผนปีงูออกผลิตภัณฑ์ใหม่ราว 10 รายการ เล็งเปิดตัวรายการแรก มีนาคม พร้อมขยายตลาดสารสกัดทั่วโลก ชี้ตลาดอาเซียนสดใส พร้อมเจรจาพันธมิตรหวังร่วมมือลุยอาหารส่งออก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) LTS (Bloomberg Consensus 21.00 บาท) เครื่องติด งาน Data Center AI เข้าเพียบ ชี้มีโอกาสคว้างานใหม่ไซส์ใหญ่กว่าเดิมราว 3-4 งาน ลุ้นไตรมาส 1 ปิดดีลงานแรก รับเป็นพันธมิตร SIAM AI ส่งเสริม เตรียมพัฒนา AI ต่อยอด รับปีนี้สัดส่วนรายได้ดาต้าเซ็นเตอร์-ไอทีพุ่งเท่าตัว ลุยขยายฐานสมาร์ทโซลูชันต่างจังหวัด มีลุ้นปีนี้ทะลุเป้า 1 พันล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ITEL (Bloomberg Consensus 2.99 บาท) เดินหน้าเจรจาภาครัฐ-Google ร่วมมือด้านการลงทุนในโครงการคลาวด์ขนาดใหญ่ พร้อมเข้าประมูลโครงการภาครัฐมูลค่า 3,000 ล้านบาท ตั้งเป้าแบ็กล็อก แตะ 3,200 ล้านบาท ภายในปีนี้ พร้อมประกาศขายศูนย์ข้อมูล Data Center ปรับกลยุทธ์มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านคลาวด์เต็มตัว เสริมแกร่งการแข่งขัน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) WHAUP (Bloomberg Consensus 5.78 บาท)อัดงบลงทุนรวม 5 ปี (2568-2573) ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้ารายได้และส่วนแบ่งกำไรปกติรวม 5 ปี ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และรักษา EBITDA Margin ที่ระดับไม่น้อยกว่า 50% เร่งขับเคลื่อนธุรกิจทั้งในและต่างประเทศผ่านนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ มุ่งสู่การเป็น Tech Driven Organization รองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้า Data Center ในนิคม WHA (ที่มา ทันหุ้น)