วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ อาจถูกกดดันจากรายงานประชุมเฟดบ้าง

บรรยากาศลงทุนภายนอกกังวลภาษีการค้าและรายงานประชุมเฟด หุ้นยุโรปรับลดลง จากความกังวลการเก็บภาษีการค้ารอบใหม่ และความเสี่ยงที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) อาจพิจารณาตอบโต้ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชีย มีแนวโน้มปรับลดลงเช้านี้ จากความกังวลผลกระทบจากภาษีนำเข้ารอบใหม่ รวมถึงการรายงานการประชุมเฟด ที่กรรมการมีมุมมองระมัดระวังต่อการปรับลดดอกเบี้ย จนกว่าจะเห็นสัญญาณลดลงอย่างชัดเจนของเงินเฟ้อ ทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น กดดันต่อทองคำและหุ้นเอเซียเช้านี้
ตลท.เปิดรับฟังความเห็นแนวทางปรับปรุงมาตรการ เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและสร้างเสถียรภาพตลาดหุ้น: ได้แก่ 1) เกี่ยวกับการขายชอร์ต ให้ทำได้เฉพาะ SET100 และจะใช้เกณฑ์ Uptick ต่อเมื่อหุ้นลดลงถึงระดับหนึ่งที่กำหนด (โดยใช้ในวันรุ่งขึ้น) 2) การดูแล HFT ให้ผู้ลงทุนที่ขึ้นทะเบียน HFT ส่งคำสั่งได้เฉพาะ SET100 (ไม่รวม market maker และหลักทรัพย์บางประเภท) 3) ผ่อนคลายมาตรการที่ใช้เมื่อปี 2567 โดยยกเลิกการหน่วงเวลาก่อนยกเลิกคำสั่ง (Minimum resting time) และเลื่อนการบังคับใช้กรอบการซื้อขายแบบ Dynamic price band รายหลักทรัพย์ Phase 2 ออกไป // คาดมีผลต่อตลาดจำกัด
องค์ประกอบหุ้นรายตัว (Market breadth) บ่งชี้บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อ: แม้ภาพรวมการลงทุนจะมีแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตามภาพองค์ประกอบของหุ้นรายตัว (Market breadth) มีแนวโน้มพัฒนาดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของหุ้นรายตัวมีโอกาสเดินหน้าต่อ เมื่อพิจารณาจาก 1) จำนวนหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 25.79% (จากต่ำสุด 11.40%) และ 2) จำนวนหุ้นที่สามารถปรับขึ้นจนทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 4 สัปดาห์ ปรับตัวขึ้นเป็น 18.56% (จากต่ำสุด 4.65%) และยังมีโมเมนตัมเพิ่มขึ้น // ปัจจัยข้างต้น ประกอบกับการรายงานผลประกอบการโดยรวมที่ได้แรงหนุนจากปัจจัยฤดูกาล ทำให้เรามองบรรยากาศเก็งกำไรโดยรวมจะยังคงเป็นบวก
การประกาศงบสัปดาห์นี้: 20 ก.พ. – TRUE, KJL, BCPG, BCP, SAMART, COCOCO, ASW, SAMTEL, SDC, JPARK / 21 ก.พ. – AU, BEC, BANPU, CBG, CREDIT, MASTER, MAJOR / 24 ก.พ. – COM7, ERW, ICHI, KCE / 25 ก.พ. – BTG, CENTEL, CPALL, HMPRO, LA, RATCH, SAPPE, SABINA, SPALI
ภาพรวมกลยุทธ์ องค์ประกอบของดัชนี (Market breadth) ยังส่งสัญญาณถึงโอกาสฟื้นในหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นกลาง-เล็ก ที่ valuation เข้าสู่ระดับที่จูงใจต่อการลงทุน ซื้อเก็งกำไรรอบนี้เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มน่าสนใจ // DR หุ้นจีนหลายตัวน่าสนใจ // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER
แนวรับ: 1,244-1,250 แนวต้าน : 1,270-1,290 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• TLI* (13): ผลตอบแทนพันธบัตรที่ทรงตัวในระดับสูง และแนวโน้มการจ่ายประกันแบบ co-payment บวกต่อผลการดำเนินงาน ตัดขาดทุน 11.00 บาท
• BCH (17.50): ผลการดำเนินงานคาดได้แรงหนุนจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปี 2568 หนุน high season ต้นปี ตัดขาดทุน 15.00 บาท
• BTG (20.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 คาดเติบโต QoQ, YoY และสูงในระดับที่ทำให้ตลาดน่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 68 ขึ้น ตัดขาดทุน 17 บาท
• TIDLOR (20): ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง หุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากแนวโน้มตั้งสำรองที่ลดลงและโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ตัดขาดทุน 17.50 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐ +2.3% ใน Q1/68
- สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านต่ำกว่าคาดในเดือนม.ค.
- คลัง คาดตั้ง ThaiESG กอง 2 รับโยก LTF 1.8 แสนล้านบาท ชัดเจนในไตรมาส 1 ปี 68
- อุตฯ อาหารสัตว์ไทย เล็งซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ 2.8 พันล้านดอลล์/ปี เลี่ยงภาษีศุลกากรทรัมป์
- BLA ปันผลในอัตรา 0.48 บ./หุ้น XD 22 เม.ย./ MINT ปันผลในอัตรา 0.35 บ./หุ้น XD 07 พ.ค. / SCB จ่ายปันผล 8.44 บ./หุ้น XD 16 เม.ย.
- บทวิเคราะห์วันนี้ : BJC แนะนำ ซื้อ เป้า 28 บาท/ SPRC แนะนำ ซื้อ เป้า 9 บาท/ BCH แนะนำ ซื้อ เป้า 20 บาท/ STECON ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ เป้า 5.65 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
20 ก.พ. – FOMC Minutes
21 ก.พ. – JP Inflation Rate (Jan)