วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ผันผวน

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยได้รับ Sentiment เชิงลบจากรายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ย มีแรงขายกดดันนำโดยหุ้น GULF ADVANC INTUCH และ TRUE
ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการประกาศ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,245.61 จุด -16.66 จุด -1.32% มูลค่าการซื้อขาย 56,186 ลบ. Program Trading -2,149.8 ลบ. ต่างชาติ -2,820.8 ลบ. TFEX -779 สัญญา ตราสารหนี้ -942.2 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ +0.44% ปิดที่ 72.57 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมัน ในรัสเซียจะปรับตัวลดลง
+ สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 219,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย
+ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย คาดว่าการประชุมกนง.ในวันที่ 26 ก.พ. จะมีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2% จากความเสี่ยงมากขึ้นทั้งเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าคาด มีความไม่แน่นอนด้านกำลังซื้อ เงินเฟ้อเสี่ยงไม่ถึงกรอบล่างที่ 1%
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 450.94 จุด หรือ -1.01% ถูกกดดันจากความ วิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากร และแนวโน้ม ผลประกอบการที่อ่อนแอของวอลมาร์ท (Walmart) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีก รายใหญ่ที่สุดในโลก
- FED สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลง 26.2 จุด สู่ระดับ 18.1 ในเดือนก.พ. ทรุดตัวมากที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 19.4 จากระดับ 44.3 ในเดือนม.ค.
-FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนมี.ค.
- ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ปรับตัวลงสู่ ระดับ -0.3% ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -0.1% หลังจากอยู่ที่ระดับ +0.1% ในเดือนธ.ค.
-วานนี้ค่าเงินเยนของญี่ปุ่นที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน ที่ระดับ 150.52 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐท่ามกลางการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้
- ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกปี 67 มีมูลค่าราว 4.12 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.8% ต่ำกว่าที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ที่ 4.0% เล็กน้อย หลักๆ เป็นผลมาจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัวช้า และผลของเหตุการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงในหลายพื้นที่ ทำให้ได้รับความเสียหายและผู้บริโภคอาจมีการใช้จ่าย อย่างประหยัด
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังมีแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ ประกอบกับนักลงทุนยังติดตามการประกาศผลประกอบการจากบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง มองกรอบดัชนี 1,237-1,250 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้น ESG ดีเยี่ยม : ADVANC GULF BBL BEM RATCH CPN
• หุ้นได้ประโยชน์ Easy-E receipt : CRC COM7 ERW CENTEL MINT M AU TNP SIS SYNEX IP HL
• หุ้นปันผลสูง : SCB TISCO LH RATCH EGCO
• MSCI Rebalance : MSCI Global Standard : เข้า - ออก PTTGC, TOP MSCI Global Small Cap : เข้า GPSC, PTTGC, SCGP, TOP ออก BSRC, DCC, ERW, GFPT, KAMART, PSG, PSH, SAPPE, STECON, THG, TIPH (ใช้ราคาปิด 28 ก.พ.)
• หุ้นที่อยู่อาศัยที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนมาตรการ LTV : AP LH SIRI SC SPALI QH
หุ้นรายงานพิเศษ
BBIK "ซื้อ" (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 48.75 บาท)
"กำไรงวด 4Q67 เป็นไปตามที่ตลาดคาด"
•งวด 4Q67 มีกำไรสุทธิ 103 ลบ. +17%QoQ, +33%YoY เป็นไปตามที่ Consensus คาด โดยมีรายได้จากการขายและบริการ 409 ลบ. +5%QoQ, +10%YoY สาเหตุหลักมาจาก การเติบโตของรายได้ในธุรกิจการพัฒนาระบบงาน ERP และ CRM จากการฟื้นตัวของ การลงทุนด้านเทคโนโลยี และดิจิทัลของภาคธุรกิจ บริษัทมี %GPM ที่ระดับ 53.8% เพิ่มขึ้นQoQ, YoY จากระดับ 46.9% ใน 3Q67 และ ระดับ 45.2% ใน 4Q66 ส่งผลให้บริษัท มี %NPM ที่ระดับ 26% เพิ่มขึ้นจากระดับ 24% ใน 3Q67 และ 23% ในงวด 4Q66 ทำให้ ปี 67 บริษัทมีรายได้ที่ 1,507 ลบ. +15%YoY และกำไรสุทธิ 301 ลบ. +8%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานปี 68 เนื่องจากเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการลงทุนด้านเทคโนโลยี และดิจิทัลของภาคธุรกิจ โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปี 68 ราว 376 ลบ. +25%YoY และราคาเหมาะสมของ Consensus เฉลี่ย 48.75 บาท มี upside 38% เราจึงแนะนำ “ซื้อ” บริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.22 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 29/4/68
หุ้นมีข่าว
(+) TRUE (Bloomberg Consensus 14.34 บาท) โชว์กำไรปกติปี 2567 ที่ 9.8 พันล้านบาท แม้ยังขาดทุนสุทธิ 10,966 ล้านบาท แต่เป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว ส่วนผลงานไตรมาส 4/2567 กำไรปกติบวก 3.5 พันล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7.5 พันล้านบาท ประกาศปักเป้าอีบิทด้าปีนี้โต 8-10% และคาดว่าปีนี้จะมีกำไรสุทธิพร้อมจ่ายปันผล (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CHAO (Bloomberg Consensus 8.60 บาท) ตั้งเป้ารายได้ระยะยาว ปี 2568-2573 เติบโตเฉลี่ย 12-15% หมุดหมายแรกปี 2570 ที่ 2.2 พันล้านบาท รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำ 37% ออกสินค้าใหม่ปีละ 15-20 SKUs เดินหน้าปั้นแบรนด์ระดับสากล หวังดันสัดส่วนส่งออกจาก 25% สู่ 35% ภายใน 6 ปี อัดลงทุนปีนี้ 300 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตเท่าตัว (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SC (Bloomberg Consensus 2.85 บาท) ตั้งเป้าหมายยอดขาย ปี 2568 ไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และมีรายได้รวมจากทุกกลุ่มธุรกิจ 2.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% อวดแบ็กล็อกในมือ 1.7 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง ลุยเปิด 15 โครงการใหม่ พร้อมเคาะงบลงทุน 7,000 ล้านบาท และปรับพอร์ตธุรกิจกระจายความเสี่ยง เตรียมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ คาดว่าเริ่มลงทุนในปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BBGI (ราคาเหมาะสม 8.00 บาท) ลุยต่อจากการถือหุ้นครบ 100% ในบีบีจีไอ ไบโอดีเซล (BBGI-BI) หนุนกำลังการผลิตแตะ 1 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ธุรกิจใหม่ โครงการ SAF คาดผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2/2568 พร้อมเผยผลงานปี 2567 รายได้โต 61% อยู่ที่ 22,192 ล้านบาท กำไรทะยาน 2,080% อยู่ที่ 215 ล้านบาท รับดีมานด์ไบโอดีเซลเสิร์ฟกลุ่มบริษัทบางจากเต็มพิกัด(ที่มา ทันหุ้น)