วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ลุ้นผลการประชุมกนง. หากลดดอกเบี้ยอาจหนุน SET ฟื้นตัว

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงแรงที่สุดนับตั้งแต่ส.ค.64 สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ.68 ที่ 98.3 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดนับจาก ส.ค.64 จากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม
ซึ่งสะท้อนแนวโน้มอ่อนแอของภาคค้าปลีก บริการ และอสังหาริมทรัพย์ แม้จะเพิ่มคาดการณ์ต่อการลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงทำให้ความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่อาจชะลอลงเป็นปัจจัยถ่วงต่อบรรยากาศลงทุน // ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ติดตามการหารือและลงนามเกี่ยวกับการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ประชุมกนง.วันนี้อาจลดดอกเบี้ย หรือมีการส่งสัญญาณถึงการลดดอกเบี้ย: การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ เราประเมินมีโอกาสที่ กนง. อาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย หลังเห็นโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในช่วงปลายปี และทำให้แรงส่งด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงต้นปีอ่อนกำลังลง อีกทั้งได้รับการร้องขอจากทางครม.ให้พิจารณาปรับลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม แม้กนง.อาจไม่ปรับลดดอกเบี้ย เราคาดกรรมการบางส่วน (2-3 ท่าน) น่าจะเริ่มมีความเห็นสนับสนุนต่อการปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งทำให้กนง.เข้าใกล้การลดดอกเบี้ยมากขึ้น
ผลประกอบการบริษัทขนาดใหญ่-กลางออกมาผสมผสาน: โดยบริษัทที่รายงานกำไรดีกว่าคาด ได้แก่ CPALL (ดีกว่าคาด +7%), CENTEL (ดีกว่าคาด +126%), SPALI (ดีกว่าคาด +25%), ERW (ดีกว่าคาด +18%), SABINA (ดีกว่าคาด +5%), HMPRO (ดีกว่าคาด +1%), AAV (ดีกว่าคาด มีกำไร 357 ลบ. จากคาด -181 ลบ.), // กำไรแย่กว่าคาด PTG (แย่กว่าคาด -7%), NEO (แย่กว่าคาด -5%), BTG (แย่กว่าคาด -1%), AAI (แย่กว่าคาด -16%)
การประกาศงบสัปดาห์นี้: 26 ก.พ. – AWC, BEM, BDMS, CPF, KAMART, LH, OSP, TTW / 27 ก.พ. – AP, BA, BH, CRC, AMATA, BGRIM, EGCO, HANA, PLANB / 28 ก.พ. – AH, BCH, CPN, CK, CCET
ภาพรวมกลยุทธ์ มีโอกาสฟื้นตัวหากกนง.ลดดอกเบี้ย หากไม่ลด (แต่มีกรรมการ 2-3 ท่านโหวตให้ลด) ตลาดอาจปรับลงต่ำ 1,200 จุดในระยะสั้น ก่อนฟื้นตัวมองไปยังการปรับลดดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในรอบหน้า ปัจจัยที่อาจหนุนหุ้นฟื้นตัว ยังรวมถึงการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครม สัปดาห์หน้า และการยุติความขัดแย้งทางการเมือง ซื้อเก็งกำไรรอบนี้เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มน่าสนใจ // ระวังแรงขายทำกำไร DR จีนในระยะสั้น // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER
แนวรับ: 1,180 แนวต้าน : 1,240 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• TIDLOR (20): ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดฟื้นตัวต่อเนื่อง หุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากแนวโน้มตั้งสำรองที่ลดลงและโอกาสปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย ตัดขาดทุน 17.50 บาท
• BTG (20.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 คาดเติบโต QoQ, YoY และสูงในระดับที่ทำให้ตลาดน่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 68 ขึ้น ตัดขาดทุน 17 บาท
• MEB (25): คาดเติบโตต่อเนื่องตามแนวโน้มของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-book) ราคาปัจจุบันซื้อขาย PER 15 เท่าและคาดให้ปันผล 4% ตัดขาดทุน 21.20 บาท
• STAR5001 (36): DR หุ้นจีนที่อิง ETF ที่อิงดัชนี STAR50 ตัดขาดทุน 29 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- DSI เลื่อนโหวตรับ/ไม่รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.สั่งเช็คข้อมูล-ขั้นตอนครบถ้วน นัดใหม่ 6 มี.ค.
- ครม.ส่งหนังสือถึงธปท.จี้ลดดอกเบี้ยกระตุ้นเงินเฟ้อขยับ
- ส่งออกไทย ม.ค. 68 โต 13.6% ขยายตัว 7 เดือนต่อเนื่อง
- ตลท. เฮียริ่ง ทบทวนเกณฑ์ Free Float รองรับบริษัทขนาดใหญ่เข้าจดทะเบียนใน SET และ mai
- ราคาน้ำมัน WTI ร่วงต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งกว่า 2% หลุด 69 ดอลลาร์
- บทวิเคราะห์วันนี้ : CPALL แนะนำ ซื้อ เป้า 85 บาท/ SPALI แนะนำ ถือ เป้า 18.20 บาท/ ERW แนะนำ ซื้อ เป้า 4.70 บาท/ WHA แนะนำ ซื้อ เป้า 4.80 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
26 ก.พ. – การประชุม กนง.