วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง

บรรยากาศลงทุนถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยี และการเพิ่มระดับภาษีการค้า (Tariff) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน จากแรงขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยี ราคาหุ้น NVDIA ปรับลดลง 8.5% แม้รายงานทั้งรายได้และกำไรที่สูงกว่าตลาดคาด
ขณะที่ดัชนีหุ้นใหญ่ 7 ตัว (Magnificent Seven) ปรับลดลง 3% แสดงถึงมุมมองระยะสั้นของนักลงทุนที่ระมัดระวังต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น นอกจากนี้ยังมาจากการที่สหรัฐฯ ประกาศจะเก็บภาษีแคนาดาและเม็กซิโก 25% มีผลตั้งแต่ 4 มี.ค. และจะเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% สำหรับสินค้าจีน ซึ่งปัจจัยข้างต้นยกระดับความกดดันต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก และทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (ดัชนีค่าเงินสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 107.29 จากวานนี้ 106.49 จุด) และทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เช้านี้ปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อบรรยากาศลงทุนฝั่งเอเชีย
ผลการดำเนินงานบจ.ไตรมาส 4/67 ถึง 27 ก.พ. เติบโต +5.25% QoQ, +13.58% YoY: ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนที่สำคัญในคืนที่ผ่านมา โดยบริษัทที่รายงานกำไรดีกว่าคาด ได้แก่ SCCC (ดีกว่าคาด +219%), BA (ดีกว่าคาด +21%), SHR (ดีกว่าคาด +17%), KCG (ดีกว่าคาด +11%), KLINIQ (ดีกว่าคาด +7%), PLANB (ดีกว่าคาด +6%), AP (ดีกว่าคาด +5%) // กำไรแย่กว่าคาด BANPU (แย่กว่าคาด -136%), CCET (แย่กว่าคาด -54%), CRC (แย่กว่าคาด -22%), AMATA (แย่กว่าคาด -17%), TOA (แย่กว่าคาด -10%), EKH (แย่กว่าคาด -3%) // กำไรแย่กว่าคาดโยพลิกมาติดลบ ได้แก่ HANA (มีการตั้งสำรองด้อยค่าหน่วยงานในเกาหลีใต้ ทำให้งบออกมา -1,729 ล้านบาท จากคาดกการณ์ 179 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังประกาศจ่ายปันผล 0.50 บาท)
ภาพรวมกลยุทธ์ บรรยากาศลงทุนถูกกดดันจากแรงขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยี แต่ลุ้นการกระจายเงินลงทุนไปยังหุ้นกลุ่มอื่น และตลาดอื่นๆ อาจทำให้หุ้นไทยปรับลดลงน้อยกว่า และยังมีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไรในหุ้นปันผลสูง ปัจจัยที่อาจหนุนหุ้นฟื้นตัว ติดตามการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครม. สัปดาห์หน้า และการยุติความขัดแย้งทางการเมือง ซื้อเก็งกำไรรอบนี้เลือกหุ้นที่ลงมาเยอะในกลุ่ม
ท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) กลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูงเริ่มน่าสนใจ // ระวังแรงขายทำกำไร DR จีนในระยะสั้น // หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER
แนวรับ: 1,195 แนวต้าน : 1,227-1,235 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• BCH (17.50): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในช่วงต้นปีที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบหลายปี ตัดขาดทุน 15 บาท
• BLA (25): ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มได้แรงหนุนจากการเร่งซื้อประกันก่อนการบังคับใช้หลักการ copayment ตั้งแต่ 20 มี.ค. ตัดขาดทุน 19.70 บาท
• BTG (20.50) : ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 คาดเติบโต QoQ, YoY และสูงในระดับที่ทำให้ตลาดน่าจะปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 68 ขึ้น ตัดขาดทุน 17 บาท
• SORKON (5): ผลประกอบการยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ทั้งจากฟาร์มสุกล และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปที่ต้นทุนการผลิตลดลง PER 10 เท่า ให้ปันผล 5% ตัดขาดทุน 4.00 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- สหรัฐเผย GDP +2.3% ใน Q4/67 สอดคล้องคาดการณ์
- "ทรัมป์" ยืนยันเดินหน้าเก็บภาษีนำเข้าจากจีน,แคนาดา,เม็กซิโก 4 มี.ค.
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด
- รมว.คลัง ถกหน่วยงานเศรษฐกิจ เล็งทำ Master Plan มาตรการกระตุ้นดัน GDP ปี 68 โตเกิน 3%
- ธนาคารไทยพาณิชย์ ลดดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุด 0.25% มีผล 3 มี.ค. 68 ขานรับ กนง.
- HANA ปันผลในอัตรา 0.50 บ./หุ้น XD 13 มี.ค./ SORKON ปันผลในอัตรา 0.25 บ./หุ้น XD 08 พ.ค.
- บทวิเคราะห์วันนี้ : BDMS แนะนำ ซื้อ เป้า 35 บาท/ AP แนะนำ ซื้อ เป้า 11.30 บาท/ BH แนะนำ ซื้อ เป้า 232 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
28 ก.พ. – US PCE Price Index