วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ทรัมป์ขึ้นภาษี

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway Down นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า จาก “ทรัมป์” ปธน.สหรัฐ เตรียมลงนามเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโก วานนี้ตามกำหนด
ประกอบกับจีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐกลับ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่ม Big-Cap นำโดย พลังงาน ขนส่ง และไอซีที ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,215.73 จุด -10.77 จุด -0.91% มูลค่าการซื้อขาย 42,016.45 ลบ. Program Trading -1,585.80 ลบ. ต่างชาติ -884.39 ลบ. TFEX +9,866 สัญญา ตราสารหนี้ -2,270.90 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยถึงการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ว่า ไตรมาสแรกมั่นใจว่า จะขยายตัว 7-8% โดยมีมูลค่าเฉลี่ยต่อเดือน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้ขณะนี้สหรัฐเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน แคนาดา และเม็กซิโกแล้ว
+ สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า จีนได้ตั้งเป้าหมายการเติบโต ของ GDP ปี 2568 ไว้ที่ ประมาณ 5% ขณะที่จีนกำลังจัดการประชุมสองสภา (Two Sessions) ท่ามกลางความตึงเครียด ด้านการค้ากับสหรัฐอเมริกาที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 670.25 จุด หรือ -1.55% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงสู่เขตปรับฐาน (Correction Territory) ในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.16% ปิดที่ 68.26 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา ซึ่งล่าสุดจีนและแคนาดา ออกมาตรการตอบโต้แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการที่กลุ่มโอเปคพลัส ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ในเดือนเม.ย.ตามกำหนดเดิม
- กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มอีก 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. พร้อมกับควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังบริษัทสหรัฐฯ จำนวน 15 แห่ง
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงในลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเดินหน้าเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก และแคนาดา และกังวลมาตรการตอบโต้ จากประเทศต่างๆ มองกรอบดัชนี 1,170-1,185 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่องออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
หุ้นรายงานพิเศษ
ARROW ("ซื้อ" ราคาเหมาะสมเท่ากับ 6.40 บาท)
"คาดปี 25 ได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่รอประมูล)
•รายได้จากการขายและบริการงวด 4Q24 เท่ากับ 313.6 ล้านบาท ลดลง -11.3%QoQ และ -1.9%YoY ส่วนใหญ่เกิดจากลูกค้ามีการชะลอคำสั่งซื้อสินค้า เนื่องจากงบประมาณภาครัฐ ที่เบิกจ่ายล่าช้า ด้านอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.3% ลดลงจากฐานสูง 27.8% ในไตรมาสก่อน และ 22.4% ใน 4Q23 เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเหล็กมีความผันผวน ประกอบกับยอดขาย ที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้ผลิตสินค้าได้ไม่เต็มกำลังการผลิต ในส่วนของ %SG&A อยู่ที่ 15.2% ยังเพิ่มขึ้นจาก 12.2% ในไตรมาสก่อน และ 11.7% ใน 4Q23 เนื่องจากมีบันทึกรายการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่ยังไม่ได้ใช้งาน จำนวน 5.3 ล้านบาท ส่งผลให้ 4Q24 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 17.2 ล้านบาท ลดลง -61.5%QoQ และ -39.7%YoY ทั้งนี้บริษัท มีกำไรสุทธิปี 24 เท่ากับ 112.1 ล้านบาท ลดลง -39.7%YoY (ใกล้เคียงประมาณการของเราที่ 117.8 ล้านบาท)
•ความเห็น : คาดผลประกอบการปี 68 ได้แรงหนุนจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่รอประมูล เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้และสายสีส้มด้านตะวันตก โครงการสนามบินอู่ตะเภาส่วนต่อขยาย และโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น เราประเมินราคาเหมาะสมอิง PER ที่ 13 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) และประมาณการ EPS อยู่ที่ 0.49 บาท ได้ราคาเหมาะสมปี 25 ที่ 6.40 บาท คงแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) BCP (ราคาเหมาะสม 42.00 บาท) คาดรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% เหตุกำลังการผลิตเพิ่ม "โรงกลั่น-น้ำมัน" ปริมาณการขายโต 5% ค่าการกลั่นปีนี้พุ่ง 40% แตะ 5-6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เผย 2 เดือนแรกปีนี้แตะ 6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแล้ว หากราคาน้ำมันดิบทรงตัว ดันอีบิทดาสูงกว่าปี 2567 อยู่ที่ 4.04 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าชิงมาร์เก็ตแชร์ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเป็น 30% ยันไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เหตุบริษัทอยู่ในช่วงการเติบโต จึงต้องนำเงินลงทุน ปีนี้ใช้ 5 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ADVICE (Bloomberg Consensus 7.70 บาท) เดินหน้าทุ่มงบ 200 ล้านบาท ปั้นสาขาใหม่-อัพฐานโซลาร์ ปูทางต่อยอดธุรกิจ พร้อมปักธงปี 2568 รายได้พุ่ง 20% จากปีก่อน พอร์ตลูกค้าขยายตัว แถมล่าสุดบอร์ดไฟเขียว แจกปันผลหุ้นละ 0.175 บาท กำหนดขึ้นป้าย XD วันที่ 10 มีนาคม เตรียมรับทรัพย์ 9 พฤษภาคม 2568 (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SCGP (Bloomberg Consensus 18.00 บาท) ส่งซิกผลงานไตรมาส 1/2568 ฟอร์มแจ่ม รับอานิสงส์ดีมานด์พุ่ง ตั้งเป้าปีนี้ อีบิทดาแตะ 1.8 หมื่นล้านบาท รับฐานธุรกิจโต-คุมเข้มต้นทุน ตั้งงบลงทุน 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ทำ M&P แย้มเจรจา 2-3 ราย (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ITEL (Bloomberg Consensus 2.58 บาท) แย้มทิศทางผลประกอบการไตรมาส 1/2568 คาดจะมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากงานเก่าที่เซ็นสัญญาไว้อยู่แล้ว รวมถึงงานใหม่ที่เข้ามา แถมยังมี Backlog ในมืออีกประมาณ 1,921 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 1,479 ล้านบาท พร้อมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 1,945 ล้านบาท รวมถึงยังได้รับอานิสงส์จาก tiktok ประกาศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย (ที่มา ทันหุ้น)