วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Rebound ต่อ

วันพุธที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวขึ้น ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ และสามารถกลับมายืนเหนือระดับ 1,200 จุด จากนักลงทุนคลายกังวลสงครามการค้า หลัง รมต.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้าให้กับแคนาดา และเม็กซิโก
มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่ม Big-Cap นำโดย พลังงาน อิเล็กทรอนิกส์ ไอซีที และขนส่ง ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,206.96 จุด +29.32 จุด +2.49% มูลค่าการซื้อขาย 50,706.03 ลบ. Program Trading +1,873.25 ลบ. ต่างชาติ +1,379.46 ลบ. TFEX +15,500 สัญญา ตราสารหนี้ +4,535.77 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 485.60 จุด หรือ +1.14% เนื่องจากนักลงทุน คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจเลื่อนเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโก
+ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แถลงต่อที่ประชุมร่วมวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยระบุว่า เขาได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งแสดงความตั้งใจที่จะกลับสู่โต๊ะเจรจา เพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน
+ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัสเซียได้เสนอตัวเป็น คนกลางในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยรัสเซียให้คำมั่นว่าจะ ทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่ออำนวยความสะดวกในการแก้ไขความตึงเครียดเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างสันติ
+ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.7%MoM ในเดือนม.ค. เมื่อ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.6% หลังจากลดลง 0.6% ในเดือนธ.ค.
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.95 ดอลลาร์ หรือ 2.86% ปิดที่ 66.31 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่สูง เกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ ของสงครามการค้า และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ามัน (โอเปค) และ ชาติพันธมิตร หรือโอเปคพลัส ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย.ตามกำหนดเดิม
- หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนจะ "ยืนหยัดเดินหน้า" ผลักดัน การรวมชาติกับไต้หวัน พร้อมทั้งต่อต้านการแทรกแซงจากภายนอก และมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับประชาชนชาวไต้หวันเพื่อช่วยกันฟื้นฟูชาติจีน
- ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 77,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2567 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 148,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 186,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
- เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.0 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2566 จากระดับ 52.9 ในเดือนม.ค.
- กกร. แสดงความกังวลกรณีสหรัฐ มีแนวโน้มจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าทั้งแบบเจาะจงและแบบครอบคลุมวงกว้างเพิ่มเติม ซึ่งได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้า เหล็กและอะลูมิเนียมและเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าจากสินค้ากลุ่มรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา อาจทำให้สินค้าไทยมีต้นทุนภาษีเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6-8%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาส Rebound ต่อจากวันก่อน โดยมีแรงหนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจเลื่อนเวลาเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้มีแรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่ม Big Cap. มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,200-1,215 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่งออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
หุ้นรายงานพิเศษ
LHFG (ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus -ไม่มี-)
•ปี 2567 กำไรสุทธิ 2,047 ล้านบาท -2%YoY ประกอบด้วย LHBANK 2,010 ล้านบาท +19% LHFUND 77 -7% LHSEC ขาดทุน 51 ล้านบาท -136% การปล่อยสินเชื่อขยายตัว 6.6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของระบบธนาคารพาณิชย์ที่หดตัว 0.4%YoY
•คุณภาพสินทรัพย์ยังดี %NPL 2.34% ลดลงจาก 2.36% ในปี 66 credit cost ลดเหลือ 0.53% จาก 0.96% ในปี 66 ส่งผลให้ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง 39% แต่ยังมี %Coverage อยู่ในระดับสูงที่ 214% ใกล้เคียงกับ 219% ในปี 66
•ปี 2568 ตั้งเป้าสินเชื่อเติบโต 7-8% เน้นปล่อยสินเชื่อ SME และสินเชื่อบ้านโดยเฉพาะ กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านระดับราคา 20-50 ล้านบาทที่เชื่อว่าจะมีความต้องการสินเชื่อมากขึ้น หลังธปท.ผ่อนคลายมาตรการ LTV เป้าคุม %NPLไม่เกิน 3% จาก 2.34% ในปี 2567
•ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคตจากการมีสัดส่วนสินเชื่อที่สมดุล สินเชื่อรายย่อย 23% สินเชื่อธุรกิจ 27% สินเชื่อ SME 23% สินเชื่อกลุ่มบริษัท (conglomerate) 22% ราคาหุ้นซื้อขายที่ P/BV 0.43x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 0.66x แนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) DELTA (Bloomberg Consensus 78.00 บาท) แย้มผลงานไตรมาส 1/2568 เติบโตดี มั่นทั้งปีโต Double Digit เดินหน้าพัฒนาโซลูชันใหม่ รองรับความต้องการ AI ส่งผลสินค้าของบริษัทยังมีความต้องการสูง ลั่นปัจจัยพื้นฐาน DELTA ยังแข็งแกร่ง ฉายภาพตลาดโลกขยายตัวแรงทั้ง ดาต้าเซ็นเตอร์ โครงสร้างพื้นฐาน ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรม (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BEM (Bloomberg Consensus 10.73 บาท) ตั้งเป้าผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินทั้งปี 2568 ในกรอบ 4.5-4.6 แสนเที่ยวคนต่อวัน หนุนรายได้กลุ่มธุรกิจรถไฟฟ้าเติบโตสองหลัก รายได้ธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่ 10% แม้ธุรกิจทางด่วนจะทรงตัวพร้อมคาดการณ์ผลงานโค้งแรกเติบโตต่อเนื่องทั้งเมื่อเทียบ QoQ YoY หนุนรายได้รวมทั้งปี 2568 โต 5% YoY (ที่มา ทันหุ้น)
(+) MC (Bloomberg Consensus 13.05 บาท) อวดกำไรขั้นต้นแตะ 65% เดินหน้าใช้ CRM บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าเป็นตัวดันกำไรสูง เผยยอดขาย 2 เดือนแรกโตดี ส่วนเป้าทั้งปี 2568 รอบบัญชีสิ้นสุดมิถุนายนรายได้ขยายเลขหลักเดียว เริ่มโฟกัสตลาดผู้หญิงจากปัจจุบันสัดส่วน 40% ได้ "อแมนด้า" เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมรุกทางออนไลน์ต่อเนื่อง หลังผนึก TikTok ไลฟ์ขายของ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) CRC (Bloomberg Consensus 38.00 บาท) วางเป้าหมายรายได้ปีนี้ขยายตัว 6-10% จากยอดขายสาขาเดิมโต หวัง EBITDA เพิ่มเป็นสองหลัก คงมาร์จิ้นขายระดับ 26.5% เผย 2 เดือนแรก ภาพรวมดีทั้งในและต่างประเทศ มองเวียดนามเป็นโอกาส งบลงทุน Capex 1.7-1.9 หมื่นล้านบาท จัดสรรปรับปรุงและขยายสาขาอย่างละครึ่ง ส่วนหุ้น Grabs Holdings ใน NASDAQ รอการพิจารณาขายในอนาคต (ที่มา ทันหุ้น)