วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SAPPE การเติบโตยอดขายในตลาดหลัก ๆ ชะลอตัว

SAPPE ได้ปรับเป้ายอดขายเติบโตต่ำลงเป็น 5% ในปี 2568F จากเดิม 15%-20% จากคาดตลาดส่งออกชะลอตัวลง โดยเฉพาะในตลาดทวีปยุโรป โดยการบริโภคที่ชะลอตัว การเจาะตลาดร้านค้าปลีกสมัยใหม่ขนาดใหญ่ทำได้ช้า และค่าเงินบาทแข็งค่า
ล้วนเป็นปัจจัยที่คาดว่าจะส่งผลให้ยอดขายในภูมิภาคนี้ลดลง 10% แต่อย่างไรก็ดี SAPPE คาดว่าภูมิภาคอื่นๆ จะยังมีการเติบโต เช่น ประเทศไทย (+15%) เอเชีย (+5%) ตะวันออกกลาง (+10%) และอเมริกา (+10%) นอกจากนั้น บษัทยังเลื่อนการเริ่มดำเนินการโรงงานใหม่ออกไปเป็น 1Q69F จากเดิมใน 2Q68F ให้สอดคล้องกับประมาณการยอดขายใหม่
SAPPE ตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 46.4% ซึ่งผลบวกจากการ
ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและอัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นน่าจะชดเชยผลลบจากค่าเงินบาทแข็งค่าและค่าเสื่อมราคาที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าที่จะลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลงเล็กน้อยด้วยการคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่ค่าใช้จ่ายในการขายน่าจะเพิ่มขึ้นจากการที่ SAPPE ต้องใช้กิจกรรมการตลาดมากขึ้นเพื่อดันยอดขายและการเจาะตลาดใหม่ ๆ
ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิตามที่คาดว่ายอดขายจะลดลง
เราคาดว่ากำไรของ SAPPE จะโตเพียงเล็กน้อยในอีกสองปีข้างหน้าอยู่ที่ 1.26 พันล้านบาท (+1% YoY)
ในปี 2568E และ 1.27 พันล้านบาท (+1% YoY) ในปี 2569F ประมาณการของเรามีความระมัดระวังมากกว่าบริษัทในแง่ของการเติบโตยอดขาย โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่คาดว่ายอดขายจะเติบโตราว 3% นอกจากนี้ เรายังคาด GPM ต่ำกว่าและสัดส่วน SG&A สูงกว่ากว่าเป้าหมายของบริษัท อยู่ที่ 45% และ 27.4% ตามลำดับ ตามยอดขายที่คาดไว้น้อยกว่า ทั้งนี้ เราปรับประมาณการกำไรสุทธิลง 6% ในปี 2568F และ 13% ในปี 2569F บนสมมติฐาน i) ปรับลดรายได้จากการขายลง 2% ในปี 2568F และ 5% ในปี 2569F ii) เพิ่มสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายขึ้น 2.1ppts ทั้งสองปี และ iii) ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายภาษีขึ้น 7% ในปี 2568F เพราะโรงงานที่ได้รับ สิทธิประโยชน์จาก BOI อาจไม่ได้ผลิตเต็มกำลังการผลิตตามที่เราเคยคาดไว้แต่อย่างไรก็ดี เราปรับเพิ่ม
GPM ขึ้นทั้งสองปีเพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพการผลิตเพิ่มขึ้นและค่าเสื่อมราคาลดลงในปี 2568F จากการเลื่อนเปิดโรงงานแห่งใหม่
Valuation & action
เราปรับลดคำแนะนำลงใหม่เป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” และปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568 ของเราลงที่ 43.00 บาท จากเดิม 70.00 บาท ตามการปรับลด PER ลงที่ 10.5x (-2.0S.D.) จากเดิม 16.0x ขณะที่ เรามองว่าโมเมนตัมกำไรใน 1Q68F น่าจะชะลอลง YoY และ QoQ จากรายได้จากการขายลดลงและผลจากค่าเงินบาทแข็งค่าต่อ GPM
Risks
สภาพการแข่งขันในตลาด, ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนและค่าใช้จ่ายการตลาดสูง