วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง

แผนธุรกิจปี 2568 - CK: Guidance ปี 2568F เชิงอนุรักษ์นิยมและการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทร่วม

CH Karnchang (CK.BK/CK TB)* ตั้งเป้ารายได้ 4 หมื่นล้านบาท (+6% YoY) โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น
(gross margin) ราว 7-8% ทางด้านรายได้ส่วนใหญ่ปี 2568F น่าจะมาจากงานรับเหมาก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฝั่งใต้, โครงการเขื่อนหลวงพระบาง และรถไฟทางคู่เด่นชัย ขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ดังนั้นการรับรู้รายได้จากโครงการนี้น่าจะไม่มากอยู่ราว 5-7% ของมูลค่ารวม 1.09 แสนล้านบาท นอกจากนี้ CK มีแผนการขายหุ้นครึ่งหนึ่งจากที่ถืออยู่ 20% ในโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางในกลางปี 2568F หรือ 3Q68F มูลค่า 2.7 พันล้านบาท โดยเงินที่ได้จะนำไปใช้ชำระหนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนกำไรที่อาจเกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมนี้ เรายังไม่ได้รวมในประมาณการของเรา โดยจะรับรู้ผ่านงบกำไรขาดทุน เมื่อโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางนี้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องแทนที่จะเป็นบริษัทร่วม ดังนั้น CK จะไม่ต้องบันทึกส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนจากบริษัทร่วมนี้อีกต่อไป

STECON: ธุรกิจหลักพลิกฟื้นพร้อมกับ upside อีกหลายประการ

STECON Group (STECON.BK/STECON TB) ให้ guidance รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างปี 2568 ราว 3.2 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 7% โดย upside อาจมาจาก i) กำไรที่อาจเกิดขึ้นจากการเคลมประกันในการซ่อมแซมโครงการบึงหนองบอนมูลค่า 1 พันล้านบาท ii) เป็นไปได้สูงที่ STECON จะไม่ต้องบันทึกส่วนแบ่งขาดทุนเพิ่มเติมจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองมูลค่า 500-600 ล้านบาท หากผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไม่มีตำแหน่งกรรมการในบริษัท และ iii) รายได้ 1 พันล้านบาทจากธุรกิจใหม่เกิดจากดีล M&A ใหม่ ๆ

 

 

งานรับเหมา ฯ ในมือ (backlog) แข็งแกร่ง

แม้เราคาดว่าจะมีโครงการภาครัฐใหม่ๆ ออกมาเปิดประมูลในช่วงปลายปีนี้ แต่ backlog ของทั้งสองบริษัทมีมูลค่ารวมเกือบ 3 แสนล้านบาทก็สูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว โดยที่ CK และ STECON ตั้งเป้าว่าจะเพิ่ม backlog มูลค่ารายละ 4-5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ขณะนี้ CK กำลังรอการอนุมัติโครงการทางด่วนยกระดับมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาทในกลางปี 2568 ส่วน STECON มีความหวังสูงกับโครงการเมืองการบินอู่ตะเภาของบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด(UTA) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV)จะเดินหน้าต่อไป เพื่อจะเริ่มรับรู้รายได้ราว 2.7 หมื่นล้านบาทจากงานก่อสร้างในโครงการนี้

คาดกำไรฟื้นตัวได้เร็ว

เราคาดว่ากำไรรวมจะพลิกฟื้นกลับจากขาดทุนสุทธิ 912 ล้านบาทเป็นกำไรสุทธิราว 2.4 พันล้านบาทสำหรับ CK เราคาดกำไรเติบโต 14% YoY อยู่ที่ 1.65 พันล้านบาทในปี 2568F และ +25% YoY ในปี 2569F แรงหนุนจากงานรับเหมาก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มและโครงการทางด่วนยกระดับ ส่วน STECON เราประมาณรายได้ราว 3.2 หมื่นล้านบาทโดยมี GPM พลิกกลับสู่ระดับปกติอย่างต่ำราว 5% นอกจากนี้ เราหยุดรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีชมพู/เหลืองในประมาณการของเรา ทั้งนี้ เราประมาณการกำไร 765 ล้านบาทในปี 2568F และคาดว่าจะเติบโต 21% YoY ในปี 2569F โดยที่เรายังไม่ได้รวมรายการเคลมประกันที่อาจเกิดขึ้นและรายได้จากธุรกิจใหม่อยู่ในแผนงานในอนาคต

Valuation & Action

ราคาเป้าหมายของเราสำหรับ CK อยู่ที่ 18.50 บาท อิงจาก discounted PE ปี 2568F ของค่าเฉลี่ย -1 S.D.ที่ 19x ส่วนทางด้าน STECON เราประเมินราคาเป้าหมาย SOTP ที่ 8.50 บาท ขณะที่ STECON เทรดระดับ PE ที่ 11x หรือต่ำกว่า -1.5SD ทั้งนี้ เราให้คำแนะนำ “ซื้อ” ทั้งสองบริษัทและปรับเพิ่มน้ำหนักลงทุนในกลุ่มรับเหมา ฯ ขึ้นเป็น “มากกว่าตลาดฯ”

 

Risks

ความรวดเร็วในอัตราการเติบโตของ GDP ความล่าช้าจากการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีและการเริ่มดำเนินการโครงการใหม่ ๆ การแก้ไขสัญญาต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนฎระเบียบต่าง ๆ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการปรับเพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำขึ้น

 

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง

วิเคราะห์หุ้น : บล.เคจีไอฯ Contractor Sector คาดกำไรจะฟื้นตัวแรง