วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ลงทุนหุ้น valuation ไม่แพง ปันผลสูง กระแสเงินสดดี

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ลงทุนหุ้น valuation ไม่แพง ปันผลสูง กระแสเงินสดดี

ระยะสั้นมองเห็นเพียงโอกาสเก็งกำไรในกรอบแคบในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงสอดคล้องกับตลาดภูมิภาค จากปัจจัยต่างประเทศรายล้อม

โดยบรรยากาศลงทุนโดยรวมยังถูกกดดันจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอลงและความกังวลผลกระทบที่เกิดจากการขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐฯที่ล่าสุดมีการตอบโต้ โดยสหภาพยุโรปตอบโต้มาตรการรีดภาษีเหล็กและอลูมีเนียมของสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเพดานภาษี 50% วิสกีนำเข้าจากอเมริกา กระตุ้นให้ ทรัมป์ ขู่บนทรัสต์โซเชียล ว่าจะรีดภาษี 200% ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่นำเข้าจากยุโรป ซึ่งปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่เพิ่มขึ้น มุมมองการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯเปลี่ยนแปลงจากคาดการณ์ลดดอกเบี้ยเพียง 1 มาสู่คาดการณ์ปรับลดดอกเบี้ยล่าสุด 3 ครั้ง (การประชุม มิ.ย./ก.ค./ต.ค.) หนุนการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำให้เคลื่อนไหวขยับใกล้บริเวณ 3,000 ดอลลาร์ แต่กดดันสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม ทั้งตลาดหุ้นไทยเราปรับตัวลงไป 42.39 จุดในสัปดาห์นี้ 

ปัจจัยในประเทศเบาบางมีเพียงประเด็นความคืบหน้าของกอง Thai ESGX รอการประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า ปัจจัยสำคัญเป็นการติดตามการประชุม FOMC ของสหรัฐ โดยตลาดคาดจะเห็นการคงดอกเบี้ย ก่อนการลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน มิถุนายน ในประเทศมีเพียงประเด็นของความคืบหน้าของกอง Thai ESG หลัง ก.ล.ต. พร้อมออกเกณฑ์รองรับการจัดตั้ง โดยเริ่มขอจัดตั้งกองทุนได้ภายในเมษายน 2568 รองรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน LTF โดยมีหลักเกณฑ์ที่ NAV โดยเฉลี่ยในรอบบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ในผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มี ESG และร้อยละ 65 ของ NAV โดยเฉลี่ยในหุ้นในกลุ่ม ESG เบื้องต้นจากหุ้นใน SET50 มี 4 หุ้นที่ยังไม่ได้ ESG Score คือ BH, CCET, ITC และ TRUE 

ภาพรวมกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัวในกลุ่ม valuation ไม่แพง ปันผลสูง หรือเก็งกำไรแบบตัดขาดทุนในกลุ่มอิงเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มปิโตรเคมีที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) แนะนำอยู่กับหุ้นปันผลที่คุณภาพดี  ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมากลุ่มValuation ถูก และ หุ้นปันผลสูงให้ผล

 

ตอบแทนนำตลาด อิง ดัชนี SETHD -7.7% YTD มากกว่า ดัชนี SET -17% YTD เรามองว่าหุ้นที่มี valuation ไม่แพง มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงจะนำตลาดต่อเนื่องในแนวโน้มข้างหน้า สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER  บรรยากาศลงทุนหุ้นจีนที่ดีขึ้น หนุนต่อ DR อิงหุ้นจีน

แนวรับ: 1,150 แนวต้าน : 1,190 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 40% vs พอร์ตหุ้น 60%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    BCPG (6.25): คาดว่าจะเติบโต 23%yoy จากค่า capacity payment ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าของโรงไฟฟ้าในอเมริกา รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ตัดขาดทุน 5.45บาท
•    KKP (58) : ตลาดรถยนต์มือสองส่งสัญญาณฟื้นตัวเป็นดัชนีชี้นำคุณสินทรัพย์ที่ดีขึ้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6% ตัดขาดทุน 54.50 บาท
•    SABINA (22) : แผนการลดต้นทุนช่วยหนุนกำไรทำจุดสูงสุดใหม่ ราคาหุ้นไม่แพง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7% ตัดขาดทุน 18.50 บาท
•    PTTGC (21): ธุรกิจอยู่ใน Bottom cycle มองการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2H25 และยังมี Upside จากแผนการลด OPEX ราคาหุ้นซื้อขาย 0.2x PBV ตัดขาดทุน 16.00 บาท 

ประเด็นที่น่าสนใจ  

-    "ทรัมป์" เอาคืน! ขู่รีดภาษีไวน์,แชมเปญยุโรป 200% ตอบโต้เก็บภาษีวิสกี้สหรัฐ
-    สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด
-    สหรัฐเผยดัชนี PPI +3.2% เดือนก.พ. ต่ำกว่าคาดการณ์
-    CPF ประกาศลดทุน ยกเลิกหุ้นซื้อคืน 6.6 ล้านหุ้น เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : TFG แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

       17 มี.ค. – US Retail sales, CN Industrial Production, CN Retail Sales
       18 มี.ค. – EU CPI
       20 มี.ค. – FOMC Meeting

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ ลงทุนหุ้น valuation ไม่แพง ปันผลสูง กระแสเงินสดดี