วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นการเลือกลงทุนรายตัวเป็นหลัก

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นการเลือกลงทุนรายตัวเป็นหลัก

คงกลยุทธ์เลือกลงทุนรายตัว ภาพรวมดัชนียังคงอ่อนแอ เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ และคาดตลาดรอดูความแน่นอนของนโยบายกีดกันทางการค้า, การเจรจาเพื่อสงบศึกสงคราม

และปัจจัยการเมืองในประเทศที่ยังมีความไม่แน่นอน และอาจกระทบถึงการเบิกจ่ายงบประมาณ รวมถึงการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ของรัฐบาล สำหรับวันนี้มีประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือการประชุม ครม. ซึ่งคาดจะมีการนำมาตรการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนอง 0.01% สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่มีราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท, รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับนโยบาย “บ้านเพื่อคนไทย” กลยุทธ์ในวันนี้ เราคงแนะนำเลือกลงทุนเป็นรายตัว โดยกลุ่มที่น่าสนใจ คือกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจจีน หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจ อาทิ  ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีก ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด  

ประเมิน Downside ของตลาดหุ้นไทยไม่ควรต่ำกว่าบริเวณ 1,100 จุด เราประเมิน Downside ของตลาดหุ้นไทยจะอยู่ที่ บริเวณ 1,100 จุด ซึ่งคำนวณจาก Earning Yield Gap Model โดยอิง EPS ปี 2025F ที่ 94 บาท และอิง EYG ระดับ 6.5% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงวิกฤติโควิดในช่วงก่อนหน้า หาก SET Index ปรับลดลงสู่บริเวณดังกล่าว เรามองเป็นโอกาสในการเข้าสะสมจาก Valuation ที่จะซื้อ/ขายที่ Forward P/E ปี 2025F เพียง 11.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 16 เท่า ค่อนข้างมาก จึงคาดจะเริ่มมีแรงซื้อกลับจากทั้งนักลงทุนสถาบันในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ 

ภาพรวมกลยุทธ์ เก็งกำไรรายตัวในกลุ่ม valuation ไม่แพง ปันผลสูง หรือเก็งกำไรแบบตัดขาดทุนในกลุ่มอิงเศรษฐกิจจีน อาทิ กลุ่มปิโตรเคมีที่ปัจจุบันอยู่ในสถานะมีการถือครองต่ำ (under-owned) แนะนำอยู่กับหุ้นปันผลที่คุณภาพดี  ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมากลุ่มValuation ถูก และ หุ้นปันผลสูงให้ผลตอบแทนนำตลาด อิง ดัชนี SETHD -7% YTD มากกว่า ดัชนี SET -16% YTD เรามองว่าหุ้นที่มี valuation ไม่แพง มีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงจะนำตลาดต่อเนื่องในแนวโน้มข้างหน้า สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่ม

ท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก และอาหาร (เนื้อสัตว์) รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER  บรรยากาศการลงทุนหุ้นจีนที่ดีขึ้น หนุนต่อ DR อิงหุ้นจีน

แนวรับ: 1,150 แนวต้าน : 1,190 จุด

สัดส่วนลงทุน: พอร์ตหุ้น 60% vs เงินสด 40%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    BDMS (25.5) : ราคาหุ้นปรับลดลงมาเกินผลกระทบจาก co-payment และคาดจะได้ประโยชน์จากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ตัดขาดทุน 23.5 บาท
•    KKP (58) : ตลาดรถยนต์มือสองส่งสัญญาณฟื้นตัวเป็นดัชนีชี้นำคุณสินทรัพย์ที่ดีขึ้น อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 6% ตัดขาดทุน 54.50 บาท
•    SABINA (22) : แผนการลดต้นทุนช่วยหนุนกำไรทำจุดสูงสุดใหม่ ราคาหุ้นไม่แพง อัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูง 7% ตัดขาดทุน 18.50 บาท
•    PTTGC (21): ธุรกิจอยู่ใน Bottom cycle มองการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปใน 2H25 และยังมี Upside จากแผนการลด OPEX ราคาซื้อขาย 0.2x PBV ตัดขาดทุน 16.00 บาท 

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    สหรัฐเผยยอดค้าปลีก +0.2% เดือนก.พ. ต่ำกว่าคาดการณ์
-    เฟดเผยแบบจำลอง GDPNow บ่งชี้ GDP สหรัฐหดตัว -2.1% ใน Q1/68
-    ทรัมป์ ยืนยันเก็บ ภาษีตอบโต้-ภาษีเฉพาะเจาะจงบางภาคส่วน 2 เม.ย.68
-    “บอนด์ยีลด์ญี่ปุ่น” อายุ 40 ปี พุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 3% วิตกเสถียรภาพรัฐบาลอิชิบะ
-    ราคาน้ำมัน WTI ดีดตัว หลัง "ทรัมป์" ขู่อิหร่านรับผิดชอบการโจมตีของกลุ่มฮูตี
-    พาณิชย์-เอกชน มั่นใจสหรัฐจำกัดวีซ่าโต้ไทยส่งกลับอุยกูร์ไม่กระทบการค้า-ส่งออกแน่
-    แพทองธาร เรียก ก.ล.ต.-ตลท.-DSI ถกสถานการณ์ตลาดหุ้น สั่งใช้กม.เด็ดขาดฟื้นเชื่อมั่น
-    GULF เปลี่ยนชื่อย่อหุ้นเป็น GULFI มีผล 21 มี.ค.รอ NewCo เข้าเทรด
-    บทวิเคราะห์วันนี้ : WHA แนะนำ ซื้อ เป้า 4.80 บาท 

 

 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

18 มี.ค. – EU PPI, การประชุม ครม.
19 มี.ค. – FOMC Meeting
20 มี.ค. – BoE Interest Rate Decision

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ คงเน้นการเลือกลงทุนรายตัวเป็นหลัก