วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก Sideway

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหวผันผวน โดยช่วงเช้าดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดราว 10 จุด ได้แรงหนุนจากสมาชิกเฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
มีแรงซื้อนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น และมีแรงซื้อเพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตามมีแรงขายมากช่วงท้ายตลาด นำโดยหุ้น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ไอซีที และค้าปลีก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,181.71 จุด -7.95 จุด -0.67% มูลค่าการซื้อขาย 44,628 ลบ. Program Trading -2,056 ลบ. ต่างชาติ -2,834 ลบ. TFEX -3,453 สัญญา ตราสารหนี้ +2,910 ลบ.
ปัจจัยบวก
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ +1.64% ปิดที่ 68.26 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตร ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านรอบใหม่ และได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียด ในตะวันออกกลาง
+ นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ในเดือนมิ.ย.,ก.ย.และธ.ค. แม้ว่าในรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่ FED ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้
+สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้นเพียง 2,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 224,000 ราย
+ญี่ปุ่นรายงานเงินเฟ้อเดือนก.พ.ลดแตะ 3.0% ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรก ในรอบ 4 เดือนจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีที่ 4% ในเดือนม.ค. เนื่องจากรัฐบาลกลับมาให้เงินอุดหนุนค่าสาธารณูปโภค
+ธปท.ผ่อนคลายมาตรการ LTV ชั่วคราว สำหรับสัญญาเงินกู้ที่ทำสัญญาตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568- 30 มิ.ย.2569
+/- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.50% ในการประชุมวันนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ปัจจัยลบ
- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 11.31 จุด หรือ -0.03% ท่ามกลางการซื้อขาย ที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนประเมินข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยล่าสุด และแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่บ่งชี้ถึงความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร
- Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (Leading Economic Index - LEI) ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.พ. ซึ่งย่ำแย่ กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.2% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนม.ค.
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศชัดว่า อินเดียจะถูก เก็บภาษีนำเข้าในอัตราเดียวกับที่อินเดียเก็บจากสหรัฐฯ ตั้งแต่ วันที่ 2 เมษายนนี้ แม้ทางการอินเดียจะกำลังวิ่งวุ่นหาทางลดกำแพงภาษีเพื่อเอาใจสหรัฐฯ ก็ตาม
- แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -1.8% ใน 1Q68 ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 1/2568
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยแถลงการณ์ของเฟด ยังมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากร ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจาก PTT มีมติซื้อหุ้นคืน มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,175-1,190 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกระแสซีรีส์ "The White Lotus" : WPH RP MINT CENTEL BA BAREIT
• หุ้นส่งออก ม.ค. เติบโตดี : STA NER GFPT AAI ITC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
หุ้นรายงานพิเศษ
CENTEL ซื้อ Bloomberg consensus 40.00 บาท
"งวด 4Q67 กำไร 57%YoY, +310%QoQ"
•งวด 4Q67 มีกำไรสุทธิ 667 ลบ. +57%YoY, +310%QoQ โดยมีรายได้รวมที่ 6,402 ลบ. +6%YoY, +14%QoQ มาจากรายได้ธุรกิจโรงแรม 3,041 ลบ. +11%YoY, +26%QoQ เติบโต ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ภาพรวมบริษัทมี RevPAR ที่ 4,306 บาท +4%YoY, +26%QoQ อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) ที่ 71% ลดลง YoY จำก 72% ใน 4Q66 แต่เพิ่มขึ้น QoQ จำก 69% ใน 3Q67 และ ARR ที่ 6,066 บาท +6%YoY, +23%QoQ สำหรับรายได้จากธุรกิจอาหารจำนวน 3,361 ลบ. +3%YoY, +6%QoQ โดยมี SSSG รวมเฉลี่ย ทรงตัว YoY TSSG รวมเฉลี่ย +2%YoY(ไม่รวม JV) +9%YoY (รวม JV) บริษัทมี %EBITDA ที่ 29% เพิ่มขึ้น YoY, QoQ จาก 25% ใน 4Q66 และ 24% ใน 3Q67 ปี 67 บริษัทมีรายได้รวม 24,239 ลบ. +8%YoY มีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,753 ลบ. +40%YoY กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 1,736 ลบ. +55%YoY
•ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจโรงแรมที่ 23%YoY มาจากโรงแรมที่กลับมาเปิด หลัง renovate ทั้ง Centara Mirage Pattaya and Centara Karon รวมถึงการเพิ่มจำนวนผู้เข้าพักโรงแรม เปิดใหม่ที่มัลดีฟส์ ทั้ง Centara Mirage Lagoon & Centara Grand Lagoon Maldives ธุรกิจอาหารตั้งเป้า SSSG โต 3-5%YoY โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรเฉลี่ยปี 68 จำนวน 1,915 ลบ. +9%YoY มีราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เฉลี่ย 40.00 บาท มี upside 21% เราจึงแนะนำ “ซื้อ” กำหนด XD วันที่ 2 พ.ค. 68 ปันผล 0.59 บาท คิดเป็น Yield ราว 2%
หุ้นมีข่าว
(+) CPN (ราคาเหมาะสม 65.00 บาท) เผยท่องเที่ยวคึกคัก หนุน Q1/2568 ฟอร์มแจ่ม พร้อมวางหมาก 5 ปี จากนี้รายได้โตเฉลี่ยปีละ 10% รับฐานธุรกิจขยายตัว ด้านผู้บริหาร ประกาศแผนเดินหน้าทุ่มงบ 1.2 แสนล้านบาท เปิดโครงการใหม่-อัพเกรดศูนย์เดิม ปูทางรับทรัพย์ระยะยาว(ที่มา ทันหุ้น)
(+) BLC (Bloomberg Consensus - บาท) เดินหน้าโมเดลโตยั่งยืน จ่อรุกอัพฐานพลังงานหมุนเวียนเต็มพิกัด วางหมากใช้พลังหมุนเวียนแตะ 50% ในปี 2573 พร้อมปักธงปี 2568 ผลงานทะยานต่อเนื่อง รับเพิ่มช่องทางขาย-เสิร์ฟโปรดักต์ใหม่ แถมจ่อเปิดโรงงานใหม่ช่วงกลางปี 2569 ดันกำลังผลิตเพิ่ม(ที่มา ทันหุ้น)
(+) MFEC (Bloomberg Consensus - บาท) ตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานในปี 2568 เติบโตขึ้น 15% โดยมีลูกค้าหลักในกลุ่มแบงก์และกลุ่มพลังงาน ปัจจุบันมี Backlog ประมาณ 7,000 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ 3,500 ล้านบาท โดยจะเน้นเพิ่มมาร์จิ้น และลดต้นทุนจากการหันมาใช้เทคโนโลยี จากจีน พาร์ตเนอร์หลักอย่าง Huawei และ Tencent ขณะที่แนวโน้มการลงทุนเทคโนโลยีในไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น(ที่มา ทันหุ้น)
(+) TTA (Bloomberg Consensus 5.68 บาท) เผย "วี เวนเจอร์ส เทคโนโลยี" บริษัทในเครือ ผนึก DITTO เซ็นสัญญาความร่วมมือ "โครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อบลูคาร์บอนเครดิต" บนพื้นที่ 740 ไร่ พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดว่าจะลด/กักเก็บปริมาณก๊าซเรือนกระจกอยู่ที่ประมาณ 34,785 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าตลอดระยะเวลาโครงการ 5 ปี(ที่มา ทันหุ้น)