วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เล่นรอบในกรอบขาลง

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เล่นรอบในกรอบขาลง

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบขาลง เรามองตลาดหุ้นไทยผันผวนในกรอบ 1,160- 1,200 จุดในสัปดาห์นี้ ปัจจัยการเมืองไทยจะเป็นที่จับตาของนักลงทุนในตลาด

อีเวนท์สำคัญสัปดาห์นี้ได้แก่ 1) การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ หลังฝ่ายค้านนำโดยพรรคประชาชน เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 24-25 มี.ค. 2025 โดยหัวข้อการอภิปรายหลักได้แก่ คุณสมบัติของนายกฯ, ความรับผิดชอบต่อหน้าที่, การบริหารบ้านเมือง, การให้บุคคลในครอบครัวมีส่วนในการบริหารแผ่นดิน 2) การประชุมครม. (27 มี.ค.) เรามองว่าความผันผวนของตลาดเป็นโอกาสในการเก็งกำไร เรามองว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่นายกฯจะหลุดจากตำแหน่งในผลอภิปรายรอบนี้ เนื่องจากฝ่ายค้านมีเสียงไม่มากพอ (รัฐบาล 317 เสียง : ฝ่ายค้าน 170 เสียง) โดยคืบหน้าของนโยบายภาครัฐฯหลังการประชุมครม. คาดว่าจะช่วยหนุนดัชนีให้ภาพรวมของตลาดหุ้นสัปดาห์นี้

ภาพรวมกลยุทธ์ ซื้อเมื่อดัชนีปรับตัวลง เก็งกำไรรายตัวในหุ้นที่ valuationไม่แพง ปันผลสูง แนะนำอยู่กับหุ้นปันผลที่คุณภาพดี  ตั้งแต่ต้นปี 2025 เป็นต้นมากลุ่มValuation ถูก และ หุ้นปันผลสูงให้ผลตอบแทนนำตลาด และมองว่าจะนำตลาดต่อเนื่องในแนวโน้มข้างหน้า สำหรับกลุ่มที่น่าสนใจทางพื้นฐาน เรามอง กลุ่มท่องเที่ยว, การแพทย์, ค้าปลีก รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่และหุ้นปันผลสูง หุ้นเล็กที่น่าสนใจ: MEB, SORKON, VRANDA, NER  

โมเมนตัมตลาดดูดีขึ้น โมเมนตัมตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ปรับตัวขึ้นได้ 1% wow หลังการปรับตัวลง 7 สัปดาห์ต่อเนื่อง หนุนโดยผลตอบแทนสัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มพลังงาน (+5%), กลุ่มธนาคาร (+3.3%) และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (+3.3%) ขณะที่กลุ่มที่นำตลาดในช่วงก่อนหน้าถูกแรงขายทำกำไร ได้แก่ กลุ่มแพคเกจจิง (-3.8%), การแพทย์ (-3.4%) และปิโตรเคมี (-2.3%) โดยโมเมนตัมตลาดดูดีขึ้นจากหุ้นที่ซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเพิ่มขึ้น ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น 22.4% จากระดับ 16% ช่วงเดือน ก.พ. สะท้อน

ว่าการลงของตลาดที่ผ่านมากระจุกอยู่ในหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่การฟื้นตัวของสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นการฟื้นตัวของตลาดเป็นวงกว้าง

แนวรับ: 1,150 แนวต้าน : 1,200 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    CPN (57): แม้กำไรปี 2025 เติบโตปานกลาง แต่เราคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งขึ้นในปี 2026 จากการเปิดศูนย์การค้าใหม่และการแล้วเสร็จของโครงการปรับปรุงขนาดใหญ่  ตัดขาดทุน 48.00 บาท
•    BDMS (24.0) : ราคาหุ้นปรับตัวลงมาระดับแนวรับ และยืนได้ในช่วงท้ายตลาด แนะนำเก็งกำไรในกรอบ 24.0-22.5 บาท ตัดขาดทุน 22.50 บาท
•    PLANB (6.2) : โมเมนตัมแรงขายชะลอตัว ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าผลกระทบจากการเจรจาส่วนแบ่งรายได้กับสมาคมฟุตบอล ตัดขาดทุน 5.30 บาท
•    TISCO (104) หุ้นปันผล Dividend Yield 7.7% ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านเดิม เรายังมองว่าหุ้นปันผลจะยังคงเห็นการปรับตัวขึ้นแข็งกว่าตลาดในระยะนี้ ตัดขาดทุน 99 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ 

-    ส่งออก ก.พ.พุ่ง 14% ลุ้นทั้งปีโต 3% จับตาสหรัฐขึ้นภาษี 2 เม.ย.นี้ 
-    IMF รับ บิตคอยน์ และ สกุลเงินคริปโทอื่น เข้าระบบการเงินโลกอย่างเป็นทางการ
-    สหรัฐฯ เล็งนำเข้าไข่ไก่นับล้านฟองจากตุรกี-เกาหลีใต้ แก้ปัญหาราคาพุ่ง
-    วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เดินทางเยือนจีน หารือการค้า-ข้อพิพาทภาษี
-    สื่อตีข่าว “โอเพนเอไอ-เมตา” หารือ “รีไลแอนซ์” หวังขยายธุรกิจ AI ในอินเดีย
-    ทุนธนชาต ผู้ถือหุ้นใหญ่ ทีทีบี ปัดข่าวควบรวมไม่จริง
-    บทวิเคราะห์ : Property (MARKETWEIGHT), CPN แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 79.60 บาท

 

 

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

24 มี.ค. – ซักฟอกนายกแพทองธาร, US S&P Global PMI   
26 มี.ค. – ยอดขายรถยนต์ไทย, UK CPI
27 มี.ค. – ประชุม ครม., US GDP final, Jobless Claims, PCE Price
28 มี.ค. – TH Industrial Production, Private Consumption, Retail Sales 
1  เม.ย. – TH S&P Global PMI, EU Inflation, JOLTs Job Openings

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ เล่นรอบในกรอบขาลง