วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้น หุ้นใหญ่นำตลาด เน้นหุ้นมูลค่าต่ำ

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้น หุ้นใหญ่นำตลาด เน้นหุ้นมูลค่าต่ำ

ความกังวลต่อมาตรการกำแพงภาษีลดลง โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ ขู่ขึ้นภาษีศุลกากร 25% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา จากสินค้าทุกรายการที่มีการนำเข้าสู่สหรัฐในวันที่ 2 เม.ย.

รวมถึงขู่ขึ้นกำแพงภาษีรถยนต์และสินค้าเวชภัณฑ์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นตอบรับเชิงบวก และมองว่ามาตรการภาษีมีแนวโน้มยืดหยุ่นกว่าที่คาด เรามองว่าจะเป็น sentiment เชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงตลาดหุ้นไทย

ปริมาณซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบปี สำหรับตลาดหุ้นไทย SET วานนี้เคลื่อนไหวออกข้างและปิดบวก 0.29 % ที่ 1190.06 จุด การปรับตัวขึ้นยังไม่แข็งแกร่งด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบางเพียง 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปี อย่างไรก็ตาม Market Breath ดูดีขึ้นจากหุ้นที่ซื้อขายเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันเพิ่มขึ้น ในช่วง 7 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น 22% จากระดับ 16% ช่วงต้นเดือน ก.พ. เป็นสัญญาณว่าแรงขายเริ่มชะลอตัวลง

มองบวกต่อตลาดวันนี้ เรามองบวกต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดจะเป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway up 1,180-1,200 จุด เรามองหุ้นใหญ่แข็งแกร่งกว่าตลาดในช่วงนี้ อาทิ PTT หนุนจากการซื้อหุ้นคืน, PTTEP อานิสงส์ราคาน้ำมันสูงขึ้น, ADVANC จากแรงเก็งกำไรต่อประเด็น Newco ระหว่างรอเข้าซื้อขาย และ DELTA อานิสงส์เชิงบวกจากหุ้นกลุ่มเทคฯสหรัฐรีบาวนด์

ปัจจัยการเมืองวันนี้ 1) การอภิปรายไม่ไว้วางในนายกรัฐมนตรี โดยผลจากการซักฟอกวานนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการอภิปรายไปที่รายบุคคลมากกว่านโยบายทางเศรษฐกิจ เรามองว่าความผันผวนของตลาดเป็นโอกาสในการเก็งกำไร ความเป็นไปได้น้อยมากที่นายกฯจะหลุดจากตำแหน่งในผลอภิปรายรอบนี้ เนื่องจากฝ่ายค้านมีเสียงไม่มากพอ (รัฐบาล 317 เสียง : ฝ่ายค้าน 170 เสียง) โดยความคืบหน้าของนโยบายภาครัฐฯหลังการประชุมครม. (27 มี.ค.) คาดว่าจะช่วยหนุนดัชนีให้ภาพรวมของตลาดหุ้นในช่วงท้ายสัปดาห์

 

 

ภาพรวมกลยุทธ์ โฟกัสหุ้นใหญ่ มูลค่าไม่แพง และปันผลสูง กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน นำโดยกลุ่มพลังงาน (PTT), และกลุ่มสื่อสาร (ADVANC และ TRUE) ระยะสั้นแนะนำอยู่กับหุ้นใหญ่ที่มูลค่าไม่แพง และ ปันผลสูง 

แนวรับ: 1,180 แนวต้าน : 1,200 จุด

สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%

หุ้นแนะนำ  (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)

•    PTTEP (120) : เก็งกำไรจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น จากการใกล้เข้าสู่ Driving season และการสงครามอิสราเอลและฉนวนกาซาที่รุนแรงขึ้น ตัดขาดทุน 113 บาท
•    ADVANC (280) : แนวโน้ม ARPU ยังคงเติบโตในปี 2025 เก็งกำไรระยะสั้นระหว่างที่ GULF-INTUCH พักการซื้อขาย ตัดขาดทุน 270.00 บาท
•    PLANB (6.2) : โมเมนตัมแรงขายชะลอตัว ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงกว่าผลกระทบจากการเจรจาส่วนแบ่งรายได้กับสมาคมฟุตบอล ตัดขาดทุน 5.30 บาท
•    HANA (18) : ความกังวลต่อมาตรการภาษีลดลง เป็นโอกาสเก็งกำไรระยะสั้น เราชอบ HANA จากราคาหุ้นที่การถือครองต่ำและฐานะการเงินแกร่ง ตัดขาดทุน 16 บาท

ประเด็นที่น่าสนใจ

-    ทรัมป์ สั่งรีดภาษี 25% สินค้าจากประเทศที่ซื้อน้ำมันเวเนซุเอลา
-    สหรัฐ เดินหน้ามาตรการภาษีตอบโต้ 2 เม.ย.68
-    ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐพุ่งสูงสุดรอบ 3 เดือนในมี.ค. 
-    BOJ ยันขึ้นดอกเบี้ยต่อ หากเงินเฟ้อถึงเป้า 2% ไม่หวั่นขาดทุนพันธบัตร
-    กบน.ใจป้ำ เตรียมทยอยลดราคาเบนซิน-ดีเซลรวม 1 บาท/ลิตร 
-    บทวิเคราะห์ : TISCO (ถือ) เป้าหมาย 94/ VRANDA (ซื้อ) เป้าหมาย 10 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

26 มี.ค. – ยอดขายรถยนต์ไทย, UK CPI
27 มี.ค. – ประชุม ครม., US GDP final, Jobless Claims, PCE Price
28 มี.ค. – TH Industrial Production, Private Consumption, Retail Sales 
1  เม.ย. – TH S&P Global PMI, EU Inflation, JOLTs Job Openings

 

 

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้น หุ้นใหญ่นำตลาด เน้นหุ้นมูลค่าต่ำ