วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก ลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนลบ โดยตลาดยังขาดปัจจัยหนุนใหม่มากระทบ ขณะที่ นักลงทุนจับตาการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในวันนี้
มีแรงขายกดดันนำโดยหุ้นกลุ่มค้าปลีก และขนส่ง อย่างไรก็ตามมีแรงซื้อหนุนจากหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เป็นปัจจัยช่วยพยุงดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,184.93 จุด -5.13 จุด -0.43% มูลค่าการซื้อขาย 30,766.38 ลบ. Program Trading -3,091.21 ลบ. ต่างชาติ -2,749.76 ลบ. TFEX -3,360 สัญญา ตราสารหนี้ -1,190.10 ลบ.
ปัจจัยบวก
+/- ดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัว เพิ่มขึ้น 4.18 จุด หรือ +0.01% ขณะที่นักลงทุนประเมินตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ และยังคงคาดหวังว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินนโยบายการค้าในสัปดาห์หน้า
+ ทำเนียบขาวมีแผนประกาศใช้มาตรการภาษีในวันที่ 2 เม.ย.นี้ โดยคาดว่า จะครอบคลุมสินค้าเพียงบางส่วนเท่านั้น และปธน.ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจมีความยืดหยุ่นในแผนภาษีตอบโต้กับประเทศคู่ค้า
+ สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงกับรัสเซียและยูเครนในการรักษาความปลอดภัยสำหรับการเดินเรือในทะเลดำ รวมทั้งยุติการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ในรัสเซียและยูเครน
ปัจจัยลบ
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 11 เซนต์ หรือ -0.16% ปิดที่ 69.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่ารัสเซียและยูเครนตกลงยุติ การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากทางการสหรัฐฯ ในวันนี้
- สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์เตือนว่า สถานะด้านการคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น และความสามารถในการชำระหนี้ลดน้อยลง
- Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลง 7.2 จุด สู่ระดับ 92.9 ในเดือนมี.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 จากระดับ 100.1 ในเดือนก.พ. และต่ำกว่า ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 94.2 กังวลว่านโยบายของปธน.ทรัมป์ จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
- ผู้ค้าน้ำมันจากจีนระงับการซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลาแล้ว หลังจากที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ต่อประเทศที่ซื้อน้ำมันและก๊าซจากเวเนซุเอลา
- ก. ท่องเที่ยวและการกีฬาเปิดเผยว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (17-23 มีนาคม) นักท่องเที่ยวลดลง 7.36%WoW จากการลดลงของตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย มาเลเซีย
- ส.อ.ท. เปิดเผยยอดผลิตรถยนต์ในเดือนกันยายน 115,487 คัน ลดลง 13.62%YoY การผลิตรถยนต์เพื่อขายในประเทศ 36,952 คัน ลดลง 21.26%YoY การผลิตเพื่อส่งออก 78,535 คัน ลดลง 9.48%YoY งวด 2M68 ยอดผลิตรถยนต์ 222,590 คัน ลดลง 19.29%
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนจับตาการลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯในวันนี้ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนยังคาดหวังว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินนโยบายการค้าในสัปดาห์หน้า มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,180-1,190 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก กนง. ลดดอกเบี้ย : AP LH SIRI SC SPALI QH MTC TIDLOR
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะนา top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH
หุ้นรายงานพิเศษ
MENA "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 1.38 บาท)
"TDM หนุนผลประกอบการ"
•ผลประกอบการ 4Q67 มีรายได้เท่ากับ 224 ล้านบาท เติบโต 5%QoQ และ 13%YoY โดยเติบโตตามการเพิ่มขึ้นของ Utilization rate จากรถ Mixer ซึ่งเป็นรถที่ทำการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จให้แก่ลูกค้า และรายได้ค่าขนส่งรถ Trailer มีลักษณะเป็นหัวลาก โดยสามารถเปลี่ยนหางตามการใช้งาน ด้านอัตรากำไรขั้นต้นทำได้ที่ระดับ 16.5% ทรงตัว QoQ และ YoY ในส่วนของส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม TDM อยู่ที่ 9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%QoQ และ 35%YoY ตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา ของกลุ่ม CJ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 4Q67 เท่ากับ 22 ล้านบาท เติบโต 10%QoQ และ 20%YoY ทั้งนี้บริษัทมีกำไรทั้งปี 67 อยู่ที่ 67 ล้านบาท ลดลง 7%YoY
•ความเห็น : เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 68 โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากแรงหนุนของงานภาครัฐ เช่น งานรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสีม่วงใต้ , งานรถไฟรางคู่ เด่นชัย เชียงราย เชียงของ เป็นต้น ขณะที่ TDM ยังเติบโตได้ดีตามการขยายสาขาของกลุ่ม CJ ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 68 ที่ 80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +20%YoY คงคำแนะนำ “ซื้อ”
หุ้นมีข่าว
(+) AMATA (Bloomberg Consensus 33.80 บาท) วางเกมเป็นบริษัทไร้หนี้ในปี 2569 ประกาศคืนหนี้ครบ ชี้ธุรกิจฮอตต่างชาติโร่คุยทั้งไทย-เวียดนาม-ลาว ตั้งเป้าปี 2568 ขายที่ดินทำสถิติ 3,500 ไร่ แต่ไตรมาส 1/2568 ขาย 250-300 ไร่ ชู Backlog กว่า 20,000 ล้านบาท รับรู้ปีนี้ 50% วางงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท ลุยพัฒนาที่ดินในลาว อีก 600 ไร่ (ที่มา ทันหุ้น)
(+) BGRIM (Bloomberg Consensus 15.00 บาท) ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทั้งสหรัฐ ยุโรป ตะวันออกกลาง และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ล่าสุดประกาศ COD โซลาร์ญี่ปุ่น 14 เมกะวัตต์ พร้อมส่องดีมานด์ใช้ไฟฟ้าโดยรวมสูงขึ้น อีกทั้งศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ส่วนเป้าระยะยาวปี 2573 หวังดันพลังงานสีเขียว เป็นสัดส่วน 50% ของพอร์ตจากปัจจุบันก๊าซธรรมชาติเป็นสัดส่วนหลัก 80-90% ชี้เพื่อการรองรับจัดหาพลังงานป้อน Data Center(ที่มา ทันหุ้น)
(+) MINT (Bloomberg Consensus 38.00 บาท) ประกาศชัดถึงถึงเวลาขยายใหญ่โรงแรม ไม่หวั่นเศรษฐกิจโลก ชี้การเดินทางท่องเที่ยวสูง เตรียมผุดแบรนด์ใหม่ 2-3 แบรนด์ ระดับบน วางเป้าเปิดโรงแรมอีก 300 แห่งในปี 2570 วางกลยุทธ์รวมศูนย์การขาย 1 ช่องทาง 1 แอปพลิเคชัน ในทุกๆ แบรนด์ ชี้จะทำให้การจองห้องโดยตรงสูงขึ้น 2-4% ปีนี้ วางเป้าขายโดยตรงสูงกว่าขายผ่านเอเจนต์ใน 3-5 ปี ดัน RevPAR สูงขึ้น(ที่มา ทันหุ้น)
(+) LTS (Bloomberg Consensus - บาท) เซ็นสัญญากับ สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น ร่วมดำเนินงาน Commissioning Network และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มูลค่า 300 ล้านบาท จ่อบุ๊กรายได้ภายในปีนี้ ปักหมุดงานดาต้าเซ็นเตอร์งานแรกตามแผน แย้มยังมีลุ้นอีกเจรจาหลายโปรเจ็กต์(ที่มา ทันหุ้น)