วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก สหรัฐเก็บภาษีไทย 36%

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก สหรัฐเก็บภาษีไทย 36%

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงแรง ต่ำสุดราว 68 จุด จากความกังวลสงครามการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น หลัง “ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ขู่เก็บภาษีจากจีนเพิ่มอีก 50%

หากจีนไม่ยกเลิกมาตรการเก็บภาษี จากสหรัฐ 34% ที่ประกาศไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีแรงขายหลักมาจากหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง ตามด้วยหุ้นกลุ่มธนาคาร และค้าปลีก ขณะที่มีแรงซื้อ นำโดยหุ้น DELTA ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,074.59 จุด -50.62 จุด -4.50% มูลค่าการซื้อขาย 66,714.48 ลบ. Program Trading -254.59 ลบ. ต่างชาติ -2,475.94 ลบ. TFEX +33,322 สัญญา ตราสารหนี้ +4,099.99 ลบ.

ปัจจัยบวก  

+ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผลการประเมินเบื้องต้น พบว่า วันที่ 1 มกราคม ถึง 6 เมษายน 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าเที่ยวไทย 10,072,244 คน สร้างรายได้ประมาณ 486,587 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย รัสเซีย อินเดีย และเกาหลีใต้
+ ที่ประชุมครม.มีมติให้ 1.ลดค่าจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ (จากปกติ 2%) เหลือ 0.01% และ 2.ค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อันเนื่องมาจากการจดทะเบียนโอนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวในคราวเดียวกัน (จากปกติ 1%) เหลือ 0.01% สำหรับบ้าน-คอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 320.01 จุด หรือ -0.84 ร่วงลงติดต่อกันเป็น วันที่ 4 ส่วนดัชนี S&P500 ปิดต่ำกว่า 5,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี จากความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรกับประเทศต่าง ๆ ตามกำหนด
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ -1.85% ปิดที่ 59.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 4 ปีเพราะกังวลว่าสงครามการค้า ที่รุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยและทำให้ความต้องการใช้พลังงานอ่อนแอลง
- สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากร 104% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันพุธที่ 9 เม.ย. จากการที่จีนตอบโต้สหรัฐ

 

- สัญญาดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยแม้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นและตัวเลขจ้างงานดีเกินคาด
- สหรัฐโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มฮูตีในเมืองโฮไดดาห์ ซึ่งเป็นเมืองท่า ของเยเมน
- ก.พาณิชย์เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. ยืนสูงระดับ 50 เล็กน้อย ปัจจัยหนุนหลักจาก 'แจกเงิน-ลดหนี้-ส่งออกขยายตัว' แต่มีปัจจัยเสี่ยงจากนโยบายทรัมป์ ภาระหนี้-ค่าครองชีพแพง กดดัชนีต่ำในอนาคต
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าว่ายังคงอยู่ในเกณฑ์ซบเซา กังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสงครามการค้า

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชีย หลัง ทรัมป์ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้าจากไทย ในอัตรา 36% ในสินค้านำเข้าทุกรายการซึ่งสูงเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเวียดนามในวันนี้เป็นต้นไป ซึ่งไทยส่งออกสินค้าไปสหรัฐคิดเป็นสัดส่วน 9% ของยอดส่งออกรวมของไทยปี 2567 ที่ 3 แสนล้านดอลลาร์ มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,055-1,085 จุด

กลยุทธ์การลงทุน    

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• กรณี ธปท.ผ่อนปรนมาตรการ LTV แนะน่า top pick หุ้นที่อยู่อาศัย ได้แก่ AP LH SIRI SC SPALI QH
• ครม.เห็นชอบ. ร่าง พรบ. Entertainment Complex : VGI BTS PLANB
• หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : ANAN ORI NOBLE ITD TIPH TVH
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

TRUE "ซื้อ" (Bloomberg Consensus 15.00 บาท)
"นับเป็นหุ้น Domestic Play"

•ผลประกอบการ 1Q68 คาดจะสามารถมีกำไรปกติที่ระดับ 3.5 พันล้านบาท (+2% QoQ, +360%YoY) ตามการดำเนินกลยุทธ์การลดต้นทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานโครงข่าย ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายขายบริหารที่อยู่ในทิศทางขาลงจาก Synergy หลังควบรวม และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ส่วนการประมูลคลื่นที่ทางสำนักงาน กสทช. ได้จัดประชาพิจารณ์รอบ 2 ไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา คาดจะสามารถเปิดประมูลได้ใน 2H68

ความเห็น : เราเริ่มเห็นการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่ลดลง หลังจากการควบรวมของ TRUE+DTAC ซึ่งอาจทำให้การประมูลคลื่นรอบใหม่มีต้นทุนไม่สูงมาก ประกอบกับ TRUE เป็นหุ้น Domestic Play ที่ผลประกอบการ ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ราคาปัจจุบันยังมี Upside จากราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) DRT (Bloomberg consensus - บาท) รับอานิสงส์ซ่อมแซมจากเหตุแผ่นดินไหว หนุนดีมานด์พุ่ง เล็งปรับ Product Mix ขยายพอร์ตสินค้าเจาะตลาดใหม่ เตรียมความพร้อมกำลังการผลิตและบริการรับดีมานด์วัสดุก่อสร้างและตกแต่งที่มีแนวโน้มทยอยปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/2568 วางเป้ารักษาอัตราการเดินเครื่องจักรไม่ต่ำกว่า 80% ปักหมุดรายได้ปี 2568 โตต่อ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TTA (Bloomberg consensus 5.68 บาท) จัดงบ 100 ล้านบาท แตกไลน์มอเตอร์ไซค์อีวี ร่วมพาร์ตเนอร์ตั้งโรงงานผลิตในไทย คาดเริ่มผลิตได้ปลายปี 2568 ด้านบิ๊ก "เฉลิมชัย มหากิจศิริ" วางหมากปี 2572 ยอดขายแตะ 1 หมื่นคันต่อปี หวังหนุนรายได้พอร์ตลงทุนเติบโตเกิน 3% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) EGCO (ราคาเหมาะสม 120.00 บาท) เดินหน้าอัพกำลังผลิตในสหรัฐต่อเนื่อง ด้วยการเข้าถือหุ้น 49% ใน "กลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll" กำลังผลิตรวม 251 เมกะวัตต์ เสริมแกร่งตลาดพลังงานของสหรัฐ ตามแผนกลยุทธ์ "Triple P" เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่พลังงานที่สะอาดมากขึ้น (ที่มา ทันหุ้น)

(+) KJL (Bloomberg consensus 9.90 บาท) โอกาสเพียบรับปัจจัยหนุน 4 เมกะเทรนด์ บิ๊กโปรเจ็กต์ก่อสร้าง ดาต้าเซ็นเตอร์ สถานีชาร์จรถอีวี และพลังงานสะอาด ดันความต้องการตู้ไฟพุ่งขึ้น เตรียมต่อสัญญาพันธมิตรระดับโลกอีก 4 ปี พร้อมขยายตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ที่มา ทันหุ้น)