วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.ยูโอบี เคย์ เฮียนฯ มีโอกาสฟื้นตัวหลังยกเว้นภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภทเป็นการชั่วคราว ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และเซมิคอนดัคเตอร์บางชนิด
จากภาษีการค้าตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ซึ่งมาตรการดังกล่าวช่วยบรรเทาผลกระทบให้กับบริษัทเทคโนโลยีที่พึ่งพาการผลิตในต่างประเทศ และบรรเทาผลกระทบให้กับผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันบรรยากาศลงทุนในระยะสั้น แม้จะยังมีความสับสนและไม่แน่นอนเกี่ยวกับระยะเวลายกเว้น รวมไปถึงอาจมีการจัดกลุ่มอัตราภาษีพิเศษของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตามเป้าหมายของการเก็บภาษีดูเหมือนจะเป็นสินค้าจากจีน ซึ่งทำให้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่การผลิต รวมไปถึงการหาแหล่งผลิตใหม่ ซึ่งมีโอกาสเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในไทย
ประเมินหุ้นที่มีโอกาสซื้อหุ้นคืน: เราทำการศึกษาบริษัทในกลุ่ม SET100 พบว่า 73% มีกระแสเงินสดอิสระ (Free cash flow: FCF) เป็นบวก และหากใช้เกณฑ์ FCF Yield (FCF/Market cap) ที่มากกว่า 5% และไม่มีภาระหนี้ที่สูงจนเป็นอุปสรรคต่อการซื้อหุ้นคืน (FCF/EV > FCF Yield) เรามองหุ้นที่มีโอกาสซื้อหุ้นคืน 7 หลักทรัพย์ ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในการวิเคราะห์ของเรา 4 หลักทรัพย์ ได้แก่ HANA, PTTEP, BH, CBG และนอกการวิเคราะห์ของเรา 3 หลักทรัพย์ ได้แก่ MEGA, ICHI และ PR9 // ทั้งนี้สำหรับกลุ่มธนาคารและประกัน อาจไม่สามารถใช้เกณฑ์กระแสเงินสดได้ แต่จากแนวโน้มในการบริหารเงินทุนส่วนเกิน (Excess capital) เรามอง KTB มีโอกาสซื้อหุ้นคืนจาก CET1 ที่สูง และอัตราการจ่ายปันผล (Payout ratio) ที่ยังต่ำกว่ากลุ่มธนาคารอื่น
ภาพรวมกลยุทธ์ มีโอกาสเห็นแรงเก็งกำไรเชิงบวกจากการที่ตลาดโลกดีดตัวขึ้นในช่วงหยุดสงกรานต์ อย่างไรก็ตามอาจผันผวนจากแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคารจากการขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 2 สัปดาห์นี้ SCB (8.44@16 เม.ย.), KTB (1.545@16 เม.ย.), BBL (6.50@23 เม.ย.), TTB (0.065@25 เม.ย.), KBANK (2.50@15 พ.ค.)
ขณะทางพื้นฐานยังระวังการลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยเฉพาะ กลุ่มอาหารที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
แนวรับ: 1,110-1,122 แนวต้าน : 1,145-1,155 จุด
สัดส่วนลงทุน: เงินสด 50% vs พอร์ตหุ้น 50%
หุ้นแนะนำ (* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ นักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาเข้าซื้อ)
• RATCH (29) : กลุ่มโรงไฟฟ้ามีความเสี่ยงปรับลดประมาณการกำไรต่ำ ขณะที่ซื้อขายด้วย PER 7 เท่า และปันผล 6.5% ตัดขาดทุน 24 บาท
• STGT (9) : ถุงมือยางและถุงมือทางการแพทย์ไทย มีโอกาสได้ประโยชน์จากการขึ้นภาษีสินค้าจีนในอัตราที่สูง ตัดขาดทุน 7.00 บาท
• HANA (20): ระยะสั้นบวกจาอการผ่อนปรนการเก็บภาษีสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่ระยะกลางมีโอกาสได้ผลบวกจากการสกัดกั้นสินค้าจีนของสหรัฐฯ ตัดขาดทุน 14 บาท
• PTTEP (120) : การชะลอการเก็บภาษีการค้าส่งผลบวกต่อราคาน้ำมันดิบระยะสั้น อีกทั้งกระแสเงินสดอิสระในระดับสูง ทำให้มีโอกาสซื้อหุ้นคืน ตัดขาดทุน 93 บาท
ประเด็นที่น่าสนใจ
- เฟดนิวยอร์กเผยดัชนีภาคการผลิตในเดือนเม.ย. สัญญาณหดตัวเริ่มแผ่วลง
- รมว.คลัง เตรียมนัดผู้ว่าธปท. หารือผลกระทบนโยบายภาษีทรัมป์ สัปดาห์นี้
- ต่างชาติบินเที่ยวสงกรานต์พุ่ง 10.73% ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปี 10.7 ล้านคน
- ทรัมป์แย้ม อาจผ่อนปรนภาษีนำเข้ารถยนต์ ช่วยผู้ผลิตปรับตัว
- สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด
- ยอดผู้โดยสารระบบรางช่วงสงกรานต์วันที่สอง 1.02 ล้านคน-เที่ยว ต่ำกว่าคาด 14.75%
- พาณิชย์เผยเงินเฟ้อต่ำกว่าคาดหลังคุมราคาสินค้า จับตาสงครามการค้า
- บทวิเคราะห์วันนี้ : Special Report : Share Buy Back โดย Top Pick คือ HANA, PTTEP, KTB, และ BH// รายงาน AP แนะนำ ซื้อ เป้า 11.30 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
16 เม.ย. – US Retail sales, CN GDP
17 เม.ย. – JP Balance of Trade (Mar)
19 เม.ย. – JP Inflation Rate (Mar)