วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ CRC ประมาณการ 1Q68F: SSSG ติดลบยกเว้นกลุ่มอาหาร

คาดว่ากำไรปกติของ CRC ใน 1Q68F จะอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (-7% YoY, -21% QoQ) คิดเป็น 25% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
โดยกำไรที่ลดลง QoQ จะเป็นเพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่กำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะ i) รายได้ equity income ลดลงหลังจากที่มีการแลกหุ้นกับ Grab Taxi Holdings (Thailand) Co., Ltd. และ ii) ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นมีน้ำหนักมากกว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้น 2%YoY จากการขยายสาขาห้าง และ อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 20bps จาก product mix ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากสภาวะของการจับจ่ายใช้สอยไม่เอื้ออำนวย เราจึงคาดว่า same-store-sales ของทุกกลุ่มธุรกิจจะยังต่ำกว่าศูนย์ (ติดลบหลักเดียวต่ำ ๆ ถึงสิบต้น ๆ) ยกเว้นธุรกิจอาหารในประเทศไทย (คาดว่า SSSG จะเป็นบวกหลักเดียวต่ำ ๆ) เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายจะเพิ่มขึ้นประมาณ 10bps YoY เป็น 25.8% เพราะการใช้กลยุทธ์ private brand น่าจะช่วยชดเชยยอดขายที่เพิ่มขึ้นจาก Go! Wholesales (ซึ่งตามปกติจะมี margin ต่ำกว่า) ได้
ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ปรับลดประมาณการกำไร และ de-rate PER
เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ซึ่งได้แก่ i) ความเสี่ยงด้าน downside ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังจากที่ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติใน 1Q68 อยู่ที่ 9.5 ล้านคน (25% ของสมมติฐานเต็มปีของเราที่ 38 ล้านคน) และ ii) ความเสี่ยงด้าน downside ของ GDP ประเทศไทย จากมาตรการภาษีของสหรัฐ ซึ่งเราคาดว่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ KGI ประเมินว่าการที่สหรัฐเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเป็น 10% ภายหลังการยกเว้นภาษี 90 วัน จะกระทบกับ GDP ประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ GDP ขยายตัวอยู่ในช่วง 2.0% - 2.3% ลดลงจากประมาณเดิมที่ 2.6%
ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เราจึงมองว่าเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายของ CRC ที่ 6-10%
โดยที่ SSS ของทุกกลุ่มธุรกิจเป็นบวกดูท้าทาย เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F-2569F ลง 3% เพื่อ
สะท้อนถึงยอดขายที่ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจ (Figure 6) โดยเราคาดว่ากำไรปกติของ CRC จะเพิ่มขึ้น 4%YoY ในปี 2568F และ 9% YoY ในปี 2569F นอกจากนี้ เรายัง de-rate PER ของทุกกลุ่มธุรกิจลง โดยเรา de-rate PER ของกลุ่มแฟชั่นลงจาก 22.0x (+1.0 SD) เหลือ 13.0x (-1.0 SD) เพื่อสะท้อนถึงอุปสงค์ที่ไม่แน่นอนของสินค้าฟุ่มเฟือย และ ความเสี่ยงด้าน downside ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในขณะเดียวกัน เรายัง de-rate PER ของกลุ่มอาหารลงจาก 26.0x (+0.5 SD) เหลือ 22.0x (-0.5 SD) เพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงจากการแข่งขันท่ามกลางภาวะการจับจ่ายใช้สอยที่อ่อนแอ และ de-rate PER ของกลุ่ม hardline จาก 18.0x (ค่าเฉลี่ย) เหลือ 15.0x (-1.0 SD) เพื่อสะท้อนถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม โดยสรุปแล้ว เราปรับลด PER ถ่วงน้ำหนักลงเหลือ 17.0x จากเดิม 23.0x
Valuation & action
เราปรับลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 เหลือ 25.00 บาท อิงจาก PER ถ่วงน้ำหนักที่ 17.0x (กลุ่มแฟชั่น 13.0x
(-1.0 SD), กลุ่มอาหาร 22.0x (-0.5 SD) และ กลุ่ม hardline 15.0x for (-1.0 SD)) จากเดิมที่ 35.00 บาท และ คงคำแนะนำ “ถือ”
Risks
การแข่งขันเข้มข้นมากขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ความนิยมของลูกค้าเปลี่ยนแปลงไป, ความเสี่ยงด้าน
กฎเกณฑ์ของทางการ, ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน