วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.เคจีไอฯ SCB หันมาเน้นลดต้นทุนเพื่อชดเชย NII ที่ลดลง

กำไรสุทธิใน 1Q68 อยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท (+1% QoQ, +4% YoY)
ผลประกอบการออกมาดีกว่า consensus 5% และ ดีกว่าประมาณการของเรา 2% โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY คือกำไรจากการลงทุนสูงเกินความคาดหมาย ทั้งนี้ กำไรสุทธิใน 1Q68 คิดเป็น 28% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
ขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น, NIM หดตัวแรงใน 1Q68 และ น่าจะหดตัวต่อในระยะต่อไป
สินเชื่อของ SCB เพิ่มขึ้น 1% QoQ แต่หดตัวลง 1% YoY โดยสินเชื่อใหม่ในไตรมาสนี้มาจากสินเชื่อธุรกิจ
(+4% QoQ) และ สินเชื่อ yield สูงที่ปล่อยโดยบริษัทลูก อย่างไรก็ตาม การขยายสินเชื่อ yield ต่ำทำให้ yield และ margin ถูกกดดัน โดย NIM ลดลงถึง 20bps QoQ และ ลดลงเกือบ 30bps YoY ทั้งนี้ จากมุมมองว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 50 bps น่าจะทำให้ NIM มีความเสี่ยงที่จะถูกกดดันอีก
ความเสี่ยงด้าน NPL และคชจ.สำรองฯ ยังมีอยู่
NPL ของ SCB เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1% QoQ และ 3.5% YoY ในขณะที่ credit cost ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 1.6% (จาก 1.64% ใน 4Q67 และ 1.67% ใน 1Q67) การที่ NPL เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย เป็นเพราะ NPL จาก
สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ดีขึ้น ซึ่งไปหักล้างกับ NPL ที่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อรายย่อย ทั้งนี้ เมื่อแยกตามประเภทสินเชื่อ พบว่า NPL จากสินเชื่อจดจำนอง, สินเชื่อ H/P และ สินเชื่อจำนำทะเบียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่า credit cost อาจจะขยับเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสต่อ ๆ ไป
เปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานมาเน้นลดต้นทุน
ธนาคารมองว่า NIM อาจจะลดลงไปอีก 10-20bps จากเป้าเดิมที่อยู่ในช่วง 3.6-3.8% ในขณะที่มองว่า
credit cost จะยังผันผวน ซึ่งทำให้ธนาคารประเมินแนวโน้มการเติบโตแบบระมัดระวัง และ เน้นลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง ทั้งในส่วนของค่าใช้จ่ายด้าน IT, การตลาด และ พนักงาน เพื่อดึงให้สัดส่วน C/I ลดลง เราปรับลดสมมติฐานอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง และ ปรับลดสมมติฐานสัดส่วน C/I ปี 2568F/2569F ลงเหลือ 40.9%/39.7% (จากเดิม 42.3%/41.3%)
ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568F/2569F ลง -3%/-1%, ปรับลดราคาเป้าหมายปี 2568F เป็น 120 บาท
เราปรับลดประมาณการกำไรในอีก 2 ปีข้างหน้าลงเพื่อสะท้อนถึง 1.) การปรับลดสมมติฐาน NIM ปี 2568F/2569F ลงปีละ 25bps มาอยู่ที่ 3.5%/3.55% 2.) การปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost เป็น 1.76%/1.71% (จากเดิม 1.66%/1.61% 3.) การปรับเพิ่มกำไรจากการลงทุนเป็น 1.0 หมื่นล้านบาท/8.5 พันลบ. (จากเดิม 8.5 พันลบ./8.5 พันลบ.) 4.) ลดคชจ.ดำเนินงานที่คิดเป็นสัดส่วน C/I เป็น 40.9%/39.7%(จากเดิม 42.3%/41.3%) ทั้งนี้ เรา de-rate PBV ลงเหลือ 0.8x (จากเดิม 0.85x) เพื่อสะท้อนถึงมุมมองที่ระมัดระวังต่อแนวโน้มในระยะสั้น ทำให้ได้ TP-68F ใหม่ที่ 120 บาท (จาก 130 บาท) คงคำแนะนำถือ
Risks
NPLs และ credit cost เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อผู้บริโภค