วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก NASDAQ นำตลาด

วิเคราะห์แนวโน้มตลาด : บล.โกลเบล็ก NASDAQ นำตลาด

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมาดัชนีเคลื่อนไหว Sideway ในแดนลบ โดยมีแรงกดดันจาก Fund Flow ที่ยังคงไหลออก อย่างต่อเนื่อง มีแรงขายนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง0

ประกอบกับมีแรงขาย เพิ่มเติมในหุ้นกลุ่มขนส่ง โรงพยาบาล และค้าปลีก ขณะที่มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มธนาคาร เป็นปัจจัย ช่วยพยุงดัชนี ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,146.86 จุด -6.91 จุด -0.60% มูลค่าการซื้อขาย 40,568.85 ลบ. Program Trading -1,895.39 ลบ. ต่างชาติ -2,093.37 ลบ. TFEX +11,874 สัญญา ตราสารหนี้ -3,230.12 ลบ.

ปัจจัยบวก    

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 486.83 จุด +1.23% ดัชนีบวกติดต่อกัน 3 วันทำการขานรับความแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นักลงทุนประเมินผลประกอบการของ บริษัทจดทะเบียน และหาสัญญาณบ่งชี้ความคืบหน้าด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดเพิ่มขึ้น 52 เซนต์ หรือ +0.84% ปิดที่ 62.79 ดอลลาร์/บาร์เรลโดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ แต่เป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปคพลัสจะ เพิ่มการผลิตน้ำมันและมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยกดดันตลาด
+ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯพุ่งขึ้น 9.2% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.พ.
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ น 6,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
+ ไฟแนนเชียล ไทม์สรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแผนผ่อนปรนภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์จากจีนก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันที่ 3 พ.ค.นี้
+ รัฐบาลจีนเริ่มจำหน่ายพันธบัตรพิเศษล็อตแรกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ

+ IMF คาดว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจเลื่อนเวลาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้น ที่จะเผชิญกับภาวะขาลงของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

 

+ ก.พาณิชย์เผยส่งออก มี.ค. โต 17.8% จากตลาดคาด 10.7-13% มูลค่า 29,548.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐสูงสุดในรอบ 36 เดือน เหตุตุนสต๊อกหนีภาษีทรัมป์ ไตรมาสแรกส่งออกโต 15.2% รมว.พาณิชย์ มั่นใจส่งออกปีนี้ ยังโตเกินเป้าที่ 2-3%
+ที่กบน.มีมติลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ กลุ่มโซฮอล์-ดีเซล 40 สต. เพื่อตรึงราคาขายปลีก
+ ก.ล.ต.อนุมัติจัดตั งกองทุน Thai ESGX 37 กอง จาก 19 บลจ.เปิดขาย 2 พ.ค.นี

ปัจจัยลบ 

- แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐ หดตัว -2.5% ใน 1Q68 จาก +2.3% ในครั้งก่อน
- ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.03 ในเดือนมี.ค. จากระดับ +0.24 ในเดือนก.พ. นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี CFNAI ถือเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดในการประเมินความเสี่ยงในการเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ
- สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อ ล่าสุดปธน.ทรัมป์ ตำหนิ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย หลังจากรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงเคียฟ ของยูเครน จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก

แนวโน้มตลาดวันนี้    

คาดดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามดาวโจนส์หลังมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Magnificent Seven จากความคาดหวังว่า ผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตามเฟดคาดว่า GDP 1Q68 จะหดตัวที่ 2.5% และ Fund Flow ที่ไหลออก เป็นปัจจัยกดดันต่อดัชนี มองกรอบดัชนีในวันนี้ 1,140-1,160 จุด

กลยุทธ์การลงทุน     

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากโครงการ TISA : CPALL SCB TISCO EGCO BDMS TU ADVANC
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก ThaiESG Extra : BBL BEM CPALL PTT TISCO
• หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว : HMPRO GLOBAL DOHOME SCGD TEAMG
• หุ้นที่ธปท.กำลังพิจารณาอนุมัติให้ประกอบธุรกิจ Virtual Bank : KTB ADVANC GULF OR SCB

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

ICHI "ซื้อ" Bloomberg consensus 14.80 บาท
"Consensus คาดกำไร 1Q68 เติบโต 29%QoQ แต่ลดลง 27%YoY"

•Consensus คาดกำไร 1Q68 เฉลี่ย 267 ลบ. เติบโต 29%QoQ เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเหมือนในช่วง 4Q67 ราว 62 ลบ. อย่างไรก็ตามคาดกำไรหดตัว 27%YoY เนื่องจากประเทศไทยเกิดภาวะลานีญา ทำให้อากาศหนาวขึ้นตั้งแต่ ช่วง 4Q67 คาบเกี่ยวมาถึงเดือนม.ค.-ก.พ.68 ส่งผลให้ความต้องการเครื่องดื่มลดลง นอกจากนี้คาด U-rate จะลดลงจาก 77% ในช่วง 1Q67 มาอยู่ที่ระดับ 71% ซึ่งใกล้เคียงกับช่วง 4Q67 จากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในช่วงเดือนก.พ.68 ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1,700 ล้านขวด/ปี ขณะที่ยอดขายที่คาดว่าจะลดลง ส่งผลให้ต้นทุนต่อหน่วยมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการ

•ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ในปี 68 ราว 9,500 ลบ +11%YoY มาจาก 1.อิชิตัน & เย็น เย็น เติบโต 5%YoY สู่ 7,500 ลบ. 2.Non-Tea เติบโต 17%YoY สู่ 1,150 ลบ. และ 3.OEM เติบโต 670%YoY สู่ 400 ลบ. ขณะที่เป้าการส่งออกใกล้เคียงปี 67 ราว 450 ลบ. ด้านเป้าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 25% และอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 15%

ความเห็น : เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มผลประกอบการ 1Q68 ที่คาดว่าจะอ่อนตัว YoY จากผลกระทบของภาวะลานีญา ทำให้ความต้องการเครื่องดื่มลดลง ประกอบกับ U-rate ที่คาดว่าจะลดลง เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวในช่วง 2Q68 เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วง High season ทำให้ ความต้องการเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ Bloomberg consensus คาดกำไรสุทธิปี 68 เฉลี่ย 1,285 ลบ. ลดลงเล็กน้อย -2%YoY ราคาเหมาะสม 14.80 บาท โดยราคาหุ้นซื้อขายที่ P/E 12x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ระดับ 13x อีกทั้งยังมี upside จากราคาเหมาะสมราว 22% เราจึงแนะนำ "ซื้อ"

หุ้นมีข่าว

(+) SEAFCO (Bloomberg consensus 2.72 บาท) จัดทัพชิงงานล็อตใหม่ 1 พันล้านบาท หวังคว้างานพอร์ตอัพแบ็กล็อกเพิ่ม จากเดิมราว 2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ยาวถึงปีหน้า ชี้ธุรกิจผ่านต่ำสุดแล้ว เคาะเป้ารายได้ปี 2568 แตะ 2 พันล้านบาท อานิสงส์โครงการเรียงคิวบุ๊กเพียบ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) CPNREIT (Bloomberg consensus 12.50 บาท) ชี้ ปีนี้ค้าปลีกขยายตัว 3-5% หนุนสินทรัพย์ให้ผลตอบแทนดี ไตรมาสแรกโตตามแผน หวังปันผล 9% ต่อเนื่อง เผยแผน 8 ปีขนาดกองเพิ่มเท่าตัวแตะ 1.8 แสนล้านบาท ปลายปีเคาะแผนเพิ่มห้างเข้ากอง ขณะที่พร้อมโรดโชว์ดึงผู้ลงทุนสิงคโปร์ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง เข้ามา ด้าน CPN เตรียมอัดฉีดเพิ่มทุน ขณะที่ค่าเช่าพื้นที่ต่อปีปรับขึ้น 3-4%(ที่มา ทันหุ้น)

(+) PQS (Bloomberg consensus - บาท) เดินหน้าขยายตลาดใหม่ๆ เล็งประเทศกลุ่มอาเซียน-ตะวันออกลาง รวมถึงมองหาพันธมิตรใหม่ กระจายความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกผันผวน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ เติบโต 25% พร้อมรับ Food Certification หนุนมาร์จิ้นเพิ่ม ล่าสุดผู้ถือหุ้นไฟเขียว จ่ายปันผลงวดครึ่งหลังปี 2567 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น(ที่มา ทันหุ้น)

(+) HTC (Bloomberg consensus - บาท) ปักเป้าปี 2568 รายได้แตะ 8.7 พันล้านบาท รับพอร์ตลูกค้าโต-โปรดักต์ใหม่หนุน พร้อมเล็งควักงบกว่า 500 ล้านบาท อัพเกรดไลน์ผลิต ปูทางรับทรัพย์เพิ่ม แถมบอร์ดไฟเขียวปันผลหุ้นละ 0.57 บาท กำหนด XD วันที่ 30 เมษายน 2568 (ที่มา ทันหุ้น)