วิเคราะห์หุ้นรายตัว : บล.กรุงศรี OKJ คาดกำไรกลับมาเติบโตใน 1Q25F

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น OKJ ราคาเป้าหมายที่ 12 บาท สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจ
โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิใน 1Q25F จะเติบโต 51% yoy และ 65% qoq มาอยู่ที่ 65 ล้านบาท หนุนโดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องและการปรับตัวดีขึ้นของอัตรากำไร สำหรับ FY25F คาดว่ากำไรจะเติบโต +33% yoy และเติบโตเฉลี่ย 21% CAGR ในช่วง FY25–27F เราเชื่อว่าการปรับตัวลงของราคาหุ้นจากผลประกอบการที่อ่อนแอใน 4Q24 ได้สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว และขณะนี้หุ้นซื้อขายที่ระดับมูลค่าที่ 21x PER และ 0.6x PEG
คาดกำไรสุทธิ 1Q25F เติบโต 51% yoy และ 65% qoq มาอยู่ที่ 65 ล้านบาท
หนุนโดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 37% yoy และ 6% qoq มาอยู่ที่ 736 ล้านบาท จากการขยายสาขาเป็น 60 สาขา (ประกอบด้วย 41 Ohkajhu, 1 Ohkajhu Wrap & Roll และ 18 Oh! Juice) เทียบกับ 33 สาขาใน 1Q24 ขณะที่คาดว่า SSSG ทรงตัว อัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มขึ้นเป็น 45% จากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A คาดเพิ่มขึ้น 35% yoy จากการขยายสาขา แต่ลดลง 3% qoq จากการไม่มีค่าใช้จ่ายเปิดร้านขนาดใหญ่และค่าใช้จ่ายการตลาดเหมือนในไตรมาสก่อน
คาดกำไรเติบโตเฉลี่ย 21% ต่อปี (2-year CAGR 25-27F)
เรายังคงประมาณการการเติบโตของกำไรเฉลี่ย (CAGR) ที่ 21% ในช่วง2025–27F โดยคาดว่า 1Q25F จะคิดเป็น 24% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี FY25F ที่ 269 ล้านบาท (+33% yoy) สำหรับปี FY25 เราคาดว่า OKJ จะยังคงเติบโตได้จากการ ขยายจำนวนสาขาเป็นหลัก โดยคาดว่าสาขาจะเพิ่มจาก 57 สาขาเป็น 71 สาขา ภายในสิ้นปี นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์จากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ที่อาจช่วยเร่งการขยายสาขาและการเติบโตของกำไรได้มากกว่าที่คาดไว้
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 12 บาท
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" สำหรับ OKJ โดยตั้งราคาเป้าหมายที่ 12 บาท เนื่องจากเรามองว่าการลดลงของราคาหุ้นหลังจากผลประกอบการ 4Q24 ที่น่าผิดหวังได้สะท้อนในราคาหุ้นไปแล้ว หุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 21 เท่า และ PEG 0.6 เท่า ซึ่งถือเป็นมูลค่าการลงทุนที่น่าสนใจ ความเสี่ยงสาคัญต่อประมาณการของเราคือการเติบโตของรายได้ที่ชะลอลงกว่าที่คาด และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงกว่าคาด ซึ่งอาจกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท