The Merge ของ'อีเธอเรียม'เสร็จสิ้น การทำธุรกรรมเร็วขึ้น ถูกขึ้น จริงไหม?!
The Merge ของ'อีเธอเรียม' จาก “proof of work” เป็น “Proof of stake” เสร็จสิ้น เมื่อ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา นักลงทุนหลายคนสงสัยว่าการทำธุรกรรมเร็วขึ้น ถูกขึ้น จริงไหม?! ซึ่งเร็วขึ้น 20% แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องค่าการทำธุรกรรม ด้าน Foundation เผย เป็นใบเบิกทางให้ค่าฟีถูกลงในอนาคต
การอัปเกรด The Merge ของเครือข่าย Ethereum ที่แล้วเสร็จช่วงเวลา 14.00 น. ในวันศุกร์ที่ 16 ก.ย.2565 ที่อัตราความยากในการขุดถึงจุดสูงสุดหยุดที่ตัวเลข 58750000000000000000000 เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบบ “ฉันทามติ” จาก “proof of work” เป็น “Proof of stake” ทำให้เครื่องขุดอีเธอเรียมทุกตัวไม่สามารถคำนวนบนเครือข่ายได้อีกต่อไปซึ่งจะทำให้เกิดการควบรวมเครือข่ายระหว่าง Beacon Chain และ Ethereum Mainnet
นายวิตาลิก บูตริน ผู้ร่วมก่อตั้งบล็อกเชนอีเธอเรียม (ETH) กล่าวว่า "เราทำเสร็จสิ้นแล้ว! นี่เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับระบบนิเวศของ Ethereum ทุกคนที่ช่วยกันทำให้การควบรวมเครือข่ายเกิดขึ้น วันนี้ควรรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง" นอกจากนี้ยังได้อ้างว่า The Merge จะลดการใช้ไฟฟ้าทั่วโลกลง 0.2%
The Merge จะทำให้ทรานแซกชัน และค่าฟี ถูกลงจริงหรือไม่ ?
ถามว่า อัปเกรด The Merge แล้วเร็วขึ้นไหม จากเดิม Average block time หรือระยะเวลากการกำเนิดบล็อกอยู่ที่ 15 วินาที ตอนนี้อยู่ที่ 12 วินาที คือเร็วขึ้น 20% และตามมาด้วยความสิ้นเปลืองของ blockspace จึงต้องรอการอัปเดรดครั้งถัดไปที่เรียกว่า The Purge ตามโรดแมพ ที่จะช่วยลดการใช้ฮาร์ดดิสก์ลงได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกข้อดีของ POS ที่เหนือกว่า POW มากๆคือ block time หลังทำการ The merge แล้ว มีความเสถียร เกือบเป็น deterministic ทำให้คาดเดาเวลาที่เสร็จสิ้นได้อย่างแน่นอน เหมาะกับ application หลากหลายที่ต้องการความแน่นอนเชิงเวลาในการคำนวณ
ทั้งนี้ The Merge ไม่ได้เข้ามาช่วยเรื่องแก๊สฟี หรือค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมให้ถูกลง เนื่องจากระบบ POS ไม่ได้มาขยายความจุของเครือข่าย เนื่องจากค่าธุรกรรมขึ้นอยู่กับความต้องการของเครือข่ายนั้นๆ ที่ค้องย้อนไปดูความจุบนเน็ตเวิร์คนั้นๆ โดยการอัปเกรดครั้งนี้เป็นเพียงใบเบิกทางให้ค่าแก๊สฟีถูกลงในอนาคต ตามการอัปเกรดครั้งต่อไป คือ The Surge, The Verge, The Purge และขั้นสุดท้าย The Splurge