ส่อง"ค่าฟี" กระดาน "คริปโท และ NFT" ปี 2022 มีค่าทำธุรกรรมอยู่ที่เท่าไรบ้าง?

ในประเทศไทยมีผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาตศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)​ที่ได้รับในอนุญาตจก ก.ล.ต. เพิ่มขึ้นเป็น 9 แห่งในประเทศไทย ซึ่ง"ค่าฟี" (Fee) หรือ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเป็นหนึ่งในตัวเลือกของนักลงทุน ที่จะตัดสินใจเข้าใช้บริการ 

วันนี้ กรุงเทพธุรกรกิจ จึงพามา อัปเดต "ค่าฟี" ของกระดานเทรดในตลาดคริปโทเคอรร์เรนซี่ ในประเทศไทย เวอร์ชันปี 2022 กันอีกรอบ

1.​BITKUB: ค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายเริ่มต้น 0.25%  และ ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท/ต่อครั้ง

2.​Satang Pro: ค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายเริ่มต้นเริ่ม 0.20%  

3.​ERX: ค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขาย 0.214% และ ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท/ต่อครั้ง

4.​Zipmex:ค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายเริ่มต้น 0.20% และ ค่าธรรมเนียมการถอน 20 บาท/ต่อครั้ง

5.Upbit: ค่าธรรมเนียมการทำธรรมธุรกกรม เริ่มต้น  0.15%

6.​Z.comEX:  ค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขาย 0.15% และค่าธรรมเนียมการถอนสกุลเงินบาท 20 บาท/ครั้ง

7.INVX: ไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขาย

8.​TDX: รอประกาศอย่างเป็นทางการจาก TDX

9.T-BOX: ยังไม่เริ่มประกอบธุรกิจ

ในวงตลาดซื้อขาย NFT ก็มีการเก็บค่า Fee เช่นเดียวกัน เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดให้กับแพลตฟอร์มได้ดียิ่งขึ้น แต่ล่าสุดมีการพูดถึงเรื่องการเก็บค่าฟีหลังจากที่Apple ได้อนุมติให้คนทั่วสามารถซื้อขาย NFT ผ่านทาง “App Store” ได้แล้ว แต่กลับมีการเรียกเก็บค่า Fee สูงถึง 30% 

หากเทียบการเก็บค่าฟีในแพลตฟอร์มซื้อขาย NFT ทั่วไปจะพบว่ามีจำนวนมี่แตกต่างกันพอสมควร

เทียบค่าฟี 5 ตลาด NFT ชั้นนำ

1.Rarible เก็บค่า Fee อยู่ที่ 1%

2.Paras เก็บค่า Fee อยู่ที่ 2%

3.Quix เก็บค่า Fee อยู่ที่ 2.5%

4.Opensea เก็บค่า Fee อยู่ที่ 2.5%

5. App Store เก็บค่า Fee อยู่ที่ 30%

อย่างไรก็ตาม หากย้อนดูการเก็บค่าฟีของบริการเซอร์ service เสียเงินในแอปพลิเคชั่น iOS ใน Apple มีมาตรฐานอยู่ที่ 30% ในทุกๆรูปแบบ ทำให้มีความแตกต่างเรื่องการเปรียบเทียบค่าฟีซื้อขาย NFT ในตลาดเกิดขึ้น แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ที่ยอมรับให้มีการซื้อขาย NFT

***ข้อมูลเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ใช่การแระรำหารลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลด้วยตนเองก่อนลงทุน