TOP ไตรมาส 3/65กำไรสุทธิลดลงเหลือ 11.71 ล้าน ขาดทุนสต็อก-อัตราแลกเปลี่ยน
“ไทยออยล์” เผยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 65 ลดลงเหลือ 11.71 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และ อัตราแลกเปลี่ยน
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด(มหาชน) หรือ TOP แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 11.71 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีกำไร 2,062.67 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 124,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44,214 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทมีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลกคลี่คลายลง และการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 44,214 ล้านบาทตามราคาขายเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 3.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด และน้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวดีขึ้น
อีกทั้งส่วนต่างราคายางมะตอยกับน้ำมันเตาปรับตัวสูงขึ้นจากอุปทานที่จำกัด ส่วนต่างราคาสารพาราไซลีนและเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับลดลงจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่ปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดลง
ขณะที่ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ กลุ่มไทยออยล์ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,238 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 เทียบกับกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 3,915 ล้านบาทในไตรมาส 3/64 และมีรายการกลับรายการสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 236 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 เทียบกับรายการปรับลดมูลค่ามูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 280 ล้านบาทในไตรมาส 3/64 เมื่อรวมกับผลขาดทุนจากเครื่องมือทางการเงินที่เกิดขึ้นจริงสุทธิที่ลดลง 259 ล้านบาท ส่งผลให้มีผลขาดทุน EBITDA 568 ล้านบาท เทียบกับEBITDA 6,784 ล้านบาทในไตรมาส 3/64
โดยในไตรมาส 3/65 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 5,090 ล้านบาทเทียบกับผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมเครื่องมือทางการเงินจำนวน 1,429 ล้านบาทใน ไตรมาส 3/64 แต่มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิโดย