ตลาดคริปโทปี66จ่อฟื้น แรงซื้อดักก่อนเกิดHalvingปีหน้า
อย่างที่รู้กันว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2565 เหมือนกับการเล่น Roller Coaster ก็คงไม่ผิดนัก มีแต่เรื่องตื่นเต้น ทั้งการล่มสลายของ LUNA ราคาบิตคอยน์ร่วงหนัก, ขาลงของ NFT ล่าสุดมหากาพย์ FTX ทำให้นักลงทุนสั่นคลอนกันเลยทีเดียว “ความกลัว ความไม่แน่นอน และความสงสัย”
ทว่า หลายคนอยากข้ามสถานการณ์โหดร้ายไปสู่ความหวังใหม่ในปี 2566 คือ การเกิด Halving ของ Bitcoin ในปี 2567 ซึ่งนักลงทุนจะเริ่มกลับมาเก็บสะสมอีกครั้งก่อนเกิด Halving ประมาณ 300-400 วัน แต่แนวโน้มตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในปี 2566 จะเป็นอย่างที่ตลาดคาดหวังได้หรือไม่นั้น
ปภัสส์ชนันท์ อังค์วราวัฒน์ ซีอีโอ เทคโทโร(TECHTORO) สื่อกลางให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเงินและการลงทุนทั่วไป ให้สัมภาษณ์ กับ กรุงเทพธุรกิจว่า เปิดปี 2566 มานี้ หลายคนน่าจะเห็นการดีดตัวขึ้นของราคา Bitcoin ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดกลับมามีสีสันเพิ่มมากขึ้น
แต่นักวิเคราะห์ต่างมองว่า ช่วงขาขึ้นจริงจะอยู่ในช่วงต้นปี 2567 ราคา Bitcoin อยู่ที่จุดต่ำสุดระหว่าง 15,000-20,000 ดอลลาร์ต่อ BTC และจุดสูงสุดระหว่าง 25,000-30,000 ดอลลาร์ต่อ BTC
ส่วนในเรื่องของระยะเวลาที่จะเห็นราคา Bitcoin ยื่นเหนือ 20,000 ดอลลาร์ต่อ BTC นั้น ยังต้องอาศัยหลายๆ ปัจจัยประกอบ เช่นเศษฐกิจโลก หรือการประกาศดอกเบี้ยในแต่ละครั้ง
แต่ในปีนี้ไม่ว่าตลาดคริปโตจะเป็นตลาดหมี หรือตลาดกระทิง สำหรับกลุ่มคนที่เชื่อมั่น และลงทุนคริปโทมานาน ก็ยังจะยังเดินหน้าศึกษาและลงทุนต่อไป และแน่นอนว่า จากกรณีการล้มละสลายของ FTX อาจทำให้คนบางกลุ่ม หมดความเชื่อถือ และออกจากตลาดคริปโทไปได้เช่นกัน
แต่ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า ตลาดคริปโทในไทย ยังมีโอกาสพัฒนาการเติบโตจาก NFTจะไปสู่ Metaverse ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน เนื่องจากเราพบว่าตอนนี้คนเริ่มหาความรู้มากกว่าแค่การลงทุน และความรู้นั้นสามารถคือสร้างอาชีพได้พร้อมกับการลงทุนเรียกว่า “WORK TO EARN” ซึ่งในปี2566 กลุ่มคนเหล่านี้จะก้าวเข้ามาในตลาดคริปโตเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามนักลงทุนจำนวนมาก คาดหวังกับHalving ของ Bitcoin ในปี 2567 ที่สำคัญประวัติศาสตร์ Bitcoin โดยเราอ้างอิงจากมุมมองนักวิเคราะห์ต่างประเทศ เบนจามิน โคเวน ได้วิเคราะห์โดยทำการเปรียบเทียบแพทเทิร์นของกราฟในปี 2561 กับของปัจจุบัน
โคเวน ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ช่วงเวลาของ “การยอมจำนน” (Capitulation) อาจเกิดขึ้นในช่วงคริสมาสต์ปีนี้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นจุดต่ำสุดของ Bitcoin ก่อนจะเตรียมตัวเข้าสู่ตลาดกระทิงรอบถัดไป นอกจากนี้ โคเวนยังระบุว่า จากประวัติศาสตร์ Bitcoin จะอยู่ในตลาดหมีประมาณ 1 ปี เช่น ตลาดหมีในปี 2557 ยาวนาน 14 เดือน และ อีกครั้งในปี 2561 ยาวนาน 12 เดือน
ปภัสส์ชนันท์ กล่าวว่า เมื่อ "เกิดความหวัง” ก็อาจนำมาซึ่ง “ความผิดหวัง” นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนให้รัดกุม ไม่ว่าตลาด คริปโทจะหันไปทางไหน การ “กระจายความเสี่ยง” และ “บริหารจัดการเงิน” คือ หัวใจสำคัญของการลงทุน อยากให้ทุกคนให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงิน การลงทุนที่ดีและไม่ตามกระแส
ดังนั้น เทคโทโร ร่วมมือกับ Crypto Meetup Thailand เพื่อสร้าง opportunity ใหม่ๆ แชร์ข้อมูล(resource)ต่างๆซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการมองหาพาร์ทเนอร์ ที่จะมาร่วมงาน ต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอนาคต และใช้สื่อออนไลน์ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ต่อยอดและได้เติบโต เป็นที่รู้จักทั้งในไทย และต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
โดยเราทั้ง 2 ทีมนั้น มีจุดแข็งที่ต่างกัน โดย Crypto Meetup Thailand ถนัดในการทำกิจกรรมออฟไลน์ และมีคอมมูนิตี้ที่แข็งแรง ส่วนเทคโทโร มีความถนัดในส่วนของการทำกิจกรรมออนไลน์ มีความน่าเชื่อถือและมีฐานผู้ติดตามจำนวนมาก
"เมื่อ 2 ทีมส่งเสริมสิ่งนั้นให้กันและกัน ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งทางออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงเป็นการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น"
สำหรับแผนงานในปี2566 จะมุ่งขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ “กลุ่มมหาวิทยาลัย” เช่น การนำความรู้คริปโทที่นำไปสร้างรายได้ และสร้างอาชีพ จัดกิจกรรมแคมป์เข้ามาแข่งขันร่วมกับภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมนี้เติบโตขึ้นและจะมีการเปิดคอร์สสอนออนไลน์ด้วย ส่วนอีกกลุ่มเป้าหมาย คือ ลูกค้าจากต่างประเทศ ที่อยากขยายฐานธุรกิจมายังประเทศไทย เราสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจร
โดยเป้าหมายของ “เทคโทโร” มุ่งมั่นสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตในไทย พัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัปไทยเติบโตไปได้ไกลในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกลับมาทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโต แต่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากภายในประเทศก่อน
อย่างไรก็ตามตลาดคริปโทในปีนี้ยังมีความผันผวน และมีความเสี่ยงสูงในการลงทุน จึงแนะนำว่า ควรศึกษาข้อมูลอย่างน้อย 3 เดือนก่อน โดยใช้เวลา 1 เดือนเต็มสำหรับการศึกษาจากความเสี่ยงที่จะทำให้สูญเสียเงินทั้งก้อน เพราะถ้าหากมีแนวคิด เริ่มป้องกันตัวจากความเสี่ยงได้ จะทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงและลงทุนคริปโตได้อย่างเข้าใจแท้จริง