'ฟินโนมีนา' เตือนลงทุนคริปโท หวั่นเกิดซิลเวอร์เกทโดมิโน
่“ฟินโนมีนา” เตือนระวังลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล หวั่นกรณีธนาคารคริปโท “ซิลเวอร์เกท”ปิดกิจการ จะลามเป็นโดมิโน พร้อมรอความชัดเจน“การขึ้นดอกเบี้ยของเฟด-เงินเฟ้อสหรัฐ-การฟื้นฟูกิจการของบริษัทเกี่ยวข้องคริปโท”ก่อนตัดสินในลงทุน
จากข่าวธนาคารคริปโท ชื่อดัง “Silvergate” ประกาศชำระบัญชีและยุติการดำเนินงาน ส่งผลกระทบต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และต้องติดตามว่าจะมีผลกระทบต่อเนื่องอย่างไร
นายชยนนท์ รักกาญจนันท์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา กล่าวว่า การที่ธนาคารยักษ์ใหญ่ อย่าง Silvergate ที่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีประกาศปิดตัวลง ยังสร้างแรงกดดันและตลาดยังกังวลปัญหานี้อาจจะลุกลามกลายเป็นโดมิโนกระทบตลาดคริปโทอีกรอบหนึ่งหรือไม่นั้น ยังต้องรอติดตามต่อไป
ขณะที่ ราคา Bitcoin เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (10 มี.ค.) หลุดระดับ 20,000 ดอลลาร์ แต่ระยะสั้นสามารถเด้งรีบาวด์กลับมายืนเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์ได้ สะท้อนว่า ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ระยะสั้นเท่านั้น
โดยในเชิงกราฟเทคนิค หากสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้อย่างแข็งแกร่ง อาจมีการรีบาวด์ระยะสั้น ทำให้มีการเก็งกำไรได้ แต่การเก็งกำไรดังกล่าวจำเป็นต้องเป็นไปอย่างมีวินัย และแผนการที่ชัดเจน เพื่อให้มั่นใจได้ว่ากรณีเลวร้ายที่สุด ก็จะสามารถตัดขาดทุนได้อย่างทันท่วงที
“เพราะต้องไม่ลืมว่าแนวโน้มในปัจจุบันของคริปโทนั้น ยังอยู่ในแนวโน้มขาลงท่ามกลางปัจจัยกดดันจำนวนมาก และการเก็งกำไรสวนแนวโน้มนั้น ขัดต่อปรัชญาการลงทุนง่ายๆ ข้อหนึ่งอย่างใหญ่หลวงคือ “Trend is your Friend” ซึ่งทำให้โอกาสทำกำไรนั้นต่ำลงมา”
นายชยนนท์ แนะนำการลงทุน ในสินทรัพย์ดิจิทัลรวมไปถึงกองทุนรวมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ Blockchain, และสินทรัพย์ดิจิทัล อาทิ ASP-DIGIBLOC และ SCBBLOC ว่า ยังคงอยู่ในโทนที่ระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง อาจรอให้เห็นภาพของปัจจัยที่กดดันทั้งหลายคลี่คลายก่อน เช่น ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ไม่แข็งกร้าวเช่นปัจจุบัน, ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่เริ่มอ่อนแรง, โมเมนตัมการปรับตัวลงของเงินเฟ้อสหรัฐ รวมไปถึงการฟื้นฟูกิจการที่เกี่ยวข้องกับตลาดคริปโททั้งหลายอย่างเป็นรูปธรรม ก่อนตัดสินใจลงทุนอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามจากSilvergate ประกายุติการดำเนินงานแล้ว ส่งผลให้ราคาหุ้นของซิลเวอร์เกทปรับตัวลงมาราว 45% หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มูลค่าหายไปแล้วกว่า 95% สร้างแรงกดดันในกลุ่มหุ้นคริปโทเคอร์เรนซีที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ อย่างเช่น ซิกเนเจอร์แบงก์ติดลบ 9% คอยน์เบส ติดลบ 3% ไมเนอร์ไลออทบล็อกเชน ติดลบ 3%
ขณะที่ กองทุนเกี่ยวข้องกับคริปโท และบล็อกเชน ETF ปรับตัวลงมาในขาปรับฐานอีกรอบ เช่น VanEck Digital Transfomation ETF ปรับตัวลง 9% , Global X Blockchain ETF ปรับตัวลง 8% รวมถึงกองทุน ธีเมตริก ปรับตัวลงธีม ETF ปรับตัวลง 2% ธีมโรโบติกส์ และเอไอ ปรับตัวลง 1% ธีมไซเบอร์ ซีเคียวริตี้ ปรับตัวลง 3% NASDAQ GOLDEN CHINA ปรับตัวลง 5% (ราคา ณ 10 มี.ค.)