"บิตคอยน์" 1 ล้านบาท ดันวอลุ่มตลาด กูรู ชี้ ยังไม่ถึงเวลา Bull run
ท่ามกลางภาวะตลาดหมีของคริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกกดดันจากนโยบายการเงินของ FED และการกำกับดูแลของ SEC สหรัฐ แต่ยังพอมีปัจจัยบวกที่จะเป็นตัวพลิกให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีสามารถฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ทำให้นักลงทุนต่างตั้งคำถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคา “บิตคอยน์” ในครั้งนี้เป็นสัญญาณของตลาด “ขาขึ้น” หรือไม่
นายสัญชัย ปอปลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด และที่ปรึกษาสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย เปิดเผยกับทาง ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า การที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นผ่านแนวต้านที่สำคัญที่ 30,000 ดอลลาร์ นั้นยังไม่ถึงเวลาของตลาด Bull Run หรือตลาดขาขึ้นอย่างเต็มตัว เชื่อว่าจะมีปัจจัยบวกอื่นมากระตุ้นตลาดอีกครั้ง โดยจะเป็นการเข้ามาของสถาบันการเงินเป็นหลักที่สามารถทำให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีฟื้นตัวได้อีกครั้ง
2 ปัจจัยหลักกระตุ้นตลาดคริปโทฯ
สำหรับการที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ มี 2 ปัจจัยหลักเป็นตัวกระตุ้นจากการที่นักลงทุนสถาบันกล่าวถึง “ทองคำดิจิทัล”
จากโดยกลุ่มบริษัทด้านการเงินการลงทุนซึ่งนำโดย Citadel, Fidelity, Charles Schwab, Sequoia Capital, Virtu Financial และ Paradigm ในสหรัฐ ได้ร่วมมือกันเปิดตัวแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ที่ชื่อว่า “EDX Markets : EDX” และเปิดตัวเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66
ตามรายงานระบุว่า EDX เป็นตลาดกลางสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลปลอดภัย และเป็นไปตามข้อกำหนดโดยผ่านตัวกลางที่เชื่อถือได้ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนโดยกลุ่มสถาบันทางการเงินรายใหญ่อีกด้วย ซึ่งปัจจุบันได้เปิดให้บริการซื้อขายเหรียญใหญ่ๆ ในตลาดได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), และ Bitcoin Cash (BCH)
และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ Blackrock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดูแลเงินลงทุนกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์ ลงมายื่นขอจัดตั้ง Bitcoin ETF ด้วยตัวเอง รวมทั้ง Invesco และ WisdomTree ผู้จัดการสินทรัพย์ระดับโลกยื่นขอเปิดตัว Spot Bitcoin ETF เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก BlackRock ทำให้บิตคอยน์ เพิ่มขึ้นประมาณ 9% นับตั้งแต่การเคลื่อนไหวของ BlackRock ซึ่งช่วยให้เหรียญผ่านแนวต้านสำคัญที่ 27,000 ดอลลาร์ไปได้
ทำให้เกิดความหวังว่าในที่สุด Bitcoin ETF ก็จะสามารถได้รับอนุมัติในที่สุด แม้ว่านับตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมาหลายบริษัทมีความพยายามจากบริษัทจัดการลงทุนจำนวนมากที่ยื่นขอจัดตั้ง Bitcoin ETF กับ ก.ล.ต.สหรัฐ แต่ยังไม่มีเคสไหนที่ประสบความสำเร็จ
สัญชัย มองว่าถ้าแรงกระตุ้นจากสถาบันการเงินในครั้งนี้สำเร็จ จะเป็นการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนมหาศาลให้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล และสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ด้วยเช่นกัน และในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยที่อาจไม่สามารถลงทุนในหน่วยลงทุนที่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาทได้แล้ว ทั้งนี้นักลงทุนควรจับตาดูสินทรัพย์ดิจิทัล 2 เหรียญเป็นหลัก ได้แก่ บิตคอยน์(BTC)และอีเธอเรียม ส่วนเหรียญ อัลคอยน์ (Altcoins) ยังไม่น่าสนใจในช่วงนี้ แต่จะฟื้นตัวตามเหรียญหลัก
ดันวอลุ่ม บิตคอยน์-อีเธอเรียม พุ่ง
นายปรีชา ไพรภัทรกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า การที่ราคาบิตคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ปริมาณการซื้อขายทั้งตลาดคริปโทฯ ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งแรงกระตุ้นจากตลาดคริปโทฯ ที่มีการก้าวเข้ามาในตลาดคริปโทฯ ของนักลงทุนส่งผลกระทบเชิงบวกต่อวอลุ่มของ บิตคอยน์ และอีเธอเรียมเป็นหลัก
ขณะนี้ (วันที่ 22 มิ.ย. เวลา 12.00น.) บอตคอยน์เคลื่อนไหวที่ 30,336.80 ดอลลาร์ มีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 3.1 หมื่นล้านดอลลาร์ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.25% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 5.8 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็น 49% ของสัดส่วนตลาดคริปโทฯ ที่มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 1.18 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13.4% จากที่ BlackRock ยื่นจัดตั้ง Bitcoin ETF ในวันที่ 17 มิ.ย.66 ซึ่งตลาดคริปโทฯ มีมูลค่าอยู่ที่ 1.04 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจากดัชนีคอยน์มาร์เก็ตแคป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์