‘VC - ฟินเทค’ไทย รุกลงทุนธุรกิจ Web3 รับเทรนด์’ดิจิทัล’
สัญญาณตลาด “ดิจิทัล” กำลังเริ่มกลับมาสู่ช่วงเฟื่องฟู ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่นักลงทุนต่างรอคอยกับ “ตลาดหมี” ที่ต่างหวาดกลัว แต่แท้ที่จริงแล้วช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีของ ”การลงทุน”
จากตอนนี้หลายบริษัทฟินเทคประกาศเดินหน้าธุรกิจเต็มตัวในโลกดิจิทัลทั้งในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินหรือสตาร์ตอัป และผู้จัดการกองทุนระดับโลกต่างประเทศ
พงศณิภา กมลนาวิน head of Investment บริษัท กสิกร เอกซ์ จำกัด หรือ KX บริษัทลูกในกลุ่มธนาคารกสิกรไทย(KBTG) เปิดเผยถึงการเตรียมตัวให้พร้อมเข้าสู่ตลาดการลงทุนในยุค "ดิจิทัล” ท่ามกลางตลาดหมี ซึ่งเป็นตลาดที่กำลังรอคอยการกลับมาของตลาดกระทิง ซึ่งขณะนี้มีสัญญาณการกลับตัวของตลาดเกิดขึ้นแล้ว
“ตลาดหมี" เป็นจังหวะที่ง่ายในการลงทุน เพราะ มูลค่าของโมเดลในตลาดยังอยู่ในราคาที่เราสามารถร่วมลงทุนได้ง่าย เหมือนการซื้อสินค้าราคาถูก ไปขายในราคาที่แพง เป็นการเกร็งกำไรส่วนต่างรูปแบบหนึ่ง ที่เรายังคงถือไผ่เหนือกว่า และสถานการณ์ที่สภาพตลาดยังไม่มีแรง เราจึงมีโอกาสในการที่เราจะเลือกหยิบจับการลงทุนได้ง่ายกว่าสภาพตลาดที่ดี
“เหมือนกับนิยามของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ที่ว่า จงกลัวในยามที่คนอื่นโลภ และจงโลภในยามที่คนอื่นกลัว เพราะฉะนั้น จงเตรียมตัวให้พร้อมที่คุณจะกลับเข้าสู่ตลาดการลงทุนอีกครั้ง”
การเริ่มต้นลงทุนที่ดี ไม่เพียงแต่เป็นการเลือกธุรกิจที่เราจะเข้าไปร่วมลงทุนเท่านั้น อันที่จริงแล้ว เราควรเริ่มต้นมาจากการลงทุนในตัวเอง การหาความรู้และการมีcommunityที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้คุณสามารถอยู่ทำกำไรบนตลาดได้อย่างยั่งยืน
โดยเมื่อไม่น่านมานี้ KX ประกาศเปิดตัว KXVC กองทุนมูลค่าราว 3,500 ล้านบาท (100 ล้านดอลลาร์) เมื่อเดือนก.ย. 2566 ย้ำถึงความทุ่มเทต่อ Web3, Deep Tech และ AI Ecosystem
ทำให้ KX ได้ประกาศความร่วมมือในการลงทุนเชิงกลยุทธ์ร่วมกับ HashKey Capital ผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนในฮ่องกง เพื่อยกระดับการพัฒนาWeb3 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นการประสานศักยภาพของ HashKey Capital ที่มีความพร้อมด้านเงินลงทุนขนาดใหญ่กับความสามารถของ KX ที่มีจุดแข็งด้านชื่อเสียงและเครือข่ายในวงการนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และผู้ใช้งานกลุ่มธุรกิจและรายย่อยทั่วภูมิภาค
โดยความร่วมมือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายสำคัญ คือ การแสวงหาและลงทุนในสตาร์ตอัปและผู้ที่กำลังพัฒนาโครงการเทคโนโลยีในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลและบล็อกเชนที่มีศักยภาพสูง และส่งเสริมให้โครงการเหล่านี้เข้าสู่ภาคธุรกิจในตลาดระดับภูมิภาคและระดับโลกได้มากขึ้น
ไม่เพียงแค่ธนาคารกสิกรไทยเท่านั้นที่เล็งเห็นความสำคัญของโลกดิจิทัล ขณะเดียวกัน บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์จำกัด หรือ SCB 10X ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมพานี ในกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ยังคงลงทุนหลักทางด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาส 2 ปี 2566 SCB 10x ได้ลงทุนรอบ Pre-Series A ในวิสัย (VISAI) ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ครบวงจรสำหรับภาคธุรกิจ VISAI เป็นสตาร์ตอัปสัญชาติไทยที่ให้บริการโซลูชัน AI ครบวงจรสำหรับธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้าน AI และ AI Training ที่ให้ความรู้ในการใช้งาน AI ด้วยการปฏิบัติด้วยข้อมูลจริง ทำให้ผู้เรียนนำความรู้ไปใช้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การลงทุนและความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เราสามารถเข้าถึงระบบปัญญาประดิษฐ์คุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2566 SCB 10X มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการอยู่ที่ 503 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.9 หมื่นล้านบาท
เพราะSCB10X เองก็มีภารกิจ “Moonshot Mission โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับองค์กร จึงให้ความสนใจและโฟกัสการลงทุนในกลุ่มธุรกิจด้าน Disruptive Technology ทั้งเทคโนโลยีด้านการเงิน (Fintech) โดยเฉพาะบล็อกเชน (Blockchain) ที่เกี่ยวกับด้าน Financial Services รวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) Web 3.0 และ Metaverse
วิมลพรรณ วิบูลย์มา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร บริษัท บิทาซซ่า จำกัด หรือ Bitazza มองว่า Web 3 คือนิยามของความ “คล่องตัว ว่องไว ประหยัด และปลอดภัย” จากการพัฒนาของโลกเศรษฐกิจและอินเทอร์เน็ตที่ปรับตัวอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับฟินเทคต้องมีการเรียนรู้และอัปสกิล เพื่อเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจให้ทันโลกเช่นกัน
ในแง่ของธุรกิจ Web3 และ Blockchain เสมือนคู่หูที่เป็นฟังก์ชันของธุรกิจที่สร้างความคล่องตัว สามารถจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นการ kyc การยืนยันตัวตน ควบคู่กับการ ทำธุรกรรมด้านการเงิน ที่สั่ง API ได้ในชุดเดียว จึงทำให้ธุรกิจสามารถ “ลดต้นทุน” การดำเนินงานการจัดการได้อย่างมหาศาล
รวมทั้งการนำธุรกิจเข้าสู่ Web3 จะสร้างความ premium , ความโดดเด่น , และความ privacy ของสินค้า เป็นการตลาดอัปเกรดแบรนด์ผ่านโลกดิจิทัลเข้าถึงผู้คนได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งธุรกิจที่คว้าโอกาสนี้ไว้จะเติบโตอย่างทรงพลัง
ประเด็นหลักที่สำคัญในการใช้งาน คือ “เริ่มต้นจากบันไดขั้นแรกที่ถูกต้อง” ต้องเริ่มต้นเรียนรู้ ทำความเข้าใจกับWeb3 และ Blockchainเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นสอนทรัพย์ดิจิทัล อย่าง บิตคอยน์ อีเธอเรียม ในพาร์ตของการเทรด และการนำBlockchain มาปรับใช้ในโลกของธุรกิจ
ในปัจจุบันได้มีบริษัทชั้นนำมากมายเปิดกว้างทางด้านธุรกิจที่มีการใช้พาร์ตเนอร์ชิปที่มีความรู้ทางด้าน Web3 มาทำงานร่วมกันเพื่อสร้างเส้นทางของตลาดยุคใหม่ รวมถึงการศึกษาเนื้อหาข้อกฎหมายให้ทำธุรกิจแบบผสมผสานได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการ เพื่อความสบายใจของผู้จัดทำและผู้ใช้งาน เชื่อว่าความก้าวหน้า ทางเทคโนโลยีการเงินจะได้เห็นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะตลาดดิจิทัลยุคใหม่แบบผสมผสานกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว