เมอร์เคิลแคปปิตอล เปิด 7 กลยุทธ์ลงทุน เจาะนักลงทุนรุ่นใหม่รับคริปโทขาขึ้น
“สินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ “คริปโท” มีวัฏจักรในการเติบโตเช่นเดียวกับตลาดสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ในปีที่ผ่านมาคือ ปีที่ไม่ดีนัก แต่ในปีที่จะถึงปี 2567 คือ ปีที่ดี และปี 2568 คือปีที่ดีมาก
พีระสิทธิ์ จิวะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมอร์เคิล แคปปิตอล จำกัด ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งแรกของประเทศไทย ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในการดูแลและบริหารการลงทุนสินทรัพย์ ดิจิทัลแก่ลูกค้า ด้วยกลยุทธ์ที่หลากหลาย ปลอดภัยและยั่งยืน ภายใต้เครือบริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด
ความท้าทายของการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมทางการเงิน และก้าวเข้าสู่วงการสินทรัพย์ดิจิทัล จากคนยุคเก่าใน "วงการหุ้น" มองว่าในอนาคต “สินทรัพย์ดิจิทัล” จะต้องถูกยอมรับและถูกนำมาใช้งานเป็นสื่อกลางในระบบการเงินไม่ว่ารูปแบบใดก็ตาม เพราะ “หุ้น” และตราสารหนี้ เป็นรูปแบบการลงทุนที่เติบโตมาเป็นระยะเวลากว่า 100 ปีแล้ว หากย้อนดูประวัติศาสตร์ทางการเงิน การเปลี่ยนแปลงในโลกการเงินจะก้าวเข้าสู่ “สินทรัพย์ใหม่” ที่อาจเปลี่ยนแปลง”การลงทุน” รวมทั้งในอีก 10 ปีข้างหน้า เจเนอเรชันใหม่ X Y และ Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีทำให้ “สินทรัพย์ดิจิทัล” อาจเป็นโอกาสสำหรับคนยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสินทรัพย์ประเภทนี้มีความเสี่ยง และมีความผันผวนสูง และหลายคนยังมองว่ามันไม่สามารถจับต้องได้ แต่ยังมีคำว่า “โทเคนไนซ์” ที่จะเปลี่ยนสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในโลกจริง ไปสู่การลงทุนรูปแบบใหม่ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น ด้วยว่าสะดวกขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น เร็วขึ้น ต้นทุนถูกลง และสิ่งที่ต้องถูกนำมาใช้ในโลกการเงินในอนาคตจริงๆ คือ 1.ไม่มีตัวกลาง 2.ใช้บล็อกเชน 3.เคลื่อนย้ายเปลี่ยนมือโดยไร้ข้อกำหนด ด้วยทำงานผ่าน Web 3.0
รวมทั้งตรรกะของ “การลงทุน” ใจความสำคัญอยู่ที่ผลตอบแทนความเสี่ยง และสาระสำคัญของสินทรัพย์ที่แตกต่างเนื้อหากันไป ซึ่งการเพิ่มทางเลือกให้กับพอร์ตการลงทุนในระยะยาว “สินทรัพย์ดิจิทัล” ถือว่าตอบโจทย์
ทำให้เมอร์เคิลมีหน้าที่คัดกลยุทธ์การลงทุน เพื่อเป็นการลงทุนทางเลือก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านนี้มากพอ และไม่มีเวลาในการติดตามตลาด เพราะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน รวมทั้งราคาก็ผันผวนตลอดเวลาด้วย
ปัจจุบันมี 7 กลยุทธ์การลงทุนภายใต้เมอร์เคิล โดยมี 1 กลยุทธ์ที่ปิดไปแล้วซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล 50 อันดับแรก คือ Trigger 1 (M-T1) ให้ผลตอบแทนเริ่มต้น 30% เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล 50 อันดับแรก คล้ายกับหุ้นใน SET50 และกลยุทธ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีคือ กลยุทธ์ Next Generation (M-NEXT) เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีพื้นฐานดี คล้ายกับหุ้นในตลาด mai และคาดว่าในปีหน้าจะมีการเปิดกลยุทธ์การลงทุน Trigger อีกครั้งอย่างแน่นอน จากการได้รับผลตอบรับที่ดี จนสามารถปิดการลงทุนได้ใน 48 วันแรกหลังจากเปิดตัว
อย่างไรก็ดี แต่ละกลยุทธ์การลงทุนภายใต้การจัดการของเมอร์เคิลจะต้องได้รับการตรวจสอบรับรองผ่านการดูแลจากสำนักงานก.ล.ต.ทุกครั้ง ตั้งแต่กระบวนการวางแผนเพื่อออกกลยุทธ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์กับนักลงทุน ซึ่งก.ล.ต.จะต้องพิจารณาถึงรายละเอียด และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ในช่วงปลายปีที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีวอลุ่มเพิ่มขึ้นทำให้มีนักลงทุนเข้ามาเปิดพอร์ตเยอะมากขึ้นกว่าช่วงต้นปีแต่ยังเป็นจำนวนที่ไม่มากนัก ตอนนี้มีนักลงทุนอยู่ที่ระดับ 1 พันบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่น้อย เพราะนักลงทุนยังไม่เข้าใจในสินทรัพย์มากนัก โดยแบ่งสัดส่วนของนักลงทุนทั้งจำนวนบัญชีและเงินทุน คือ 60% มาจากนักลงทุนรายย่อย 30% มาจากนักลงทุนไฮเน็ตเวิร์ก และ 10% มาจากนักลงทุนคอร์เปอเรท
ดังนั้นเมอร์เคิลจึงเร่งพร้อมพัฒนาระบบงานภายใน พัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพมากขึ้น เพื่อยกระดับให้ เมอร์เคิล แคปปิตอล เป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานเทียบเท่ากับสถาบันการเงินชั้นนำ ที่ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ เนื่องจากในปีหน้ามีปัจจัยเชิงบวกของตลาดคริปโทมากมาย แต่สตอรีที่น่าสนใจคือ การยื่นจัดตั้งกองทุนบิตคอยน์ ETF ของแบล็กร็อก (Blackrock) เพราะอันดับ 1 ผู้จัดการสินทรัพย์ไม่ได้มาเพียงคนเดียวเท่านั้น ยังมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งให้ความสนใจในบิตคอยน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องคิดต่อว่า การเข้ามาครั้งนี้ธุรกิจเหล่านี้ได้คาดการณ์แนวโน้มของธุรกิจเอาไว้แล้ว
ทำให้ความต้องการในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันสัดส่วนการลงทุนทั่วโลกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ 40% มาจากบริหารสินทรัพย์โดย บลจ. 40% มาจากผู้จัดการสินทรัพย์ และอีก 20% มาจากนักลงทุนที่ลงทุนเองดังนั้นหมายความว่า เมื่อ ETF ได้รับการอนุมัติ เงินทุนที่ไหลเข้าตลาดคริปโทจะไม่ได้มาจากแค่แบล็กร็อกเท่านั้นแต่มีนักลงทุนจาก 3 กลุ่มนี้ด้วย
โดยการที่สถาบันการเงินเข้ามาในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น เป็นการเข้ามาสร้างความปลอดภัยให้กับนักลงทุน คือ 1.นักลงทุนเข้าในตลาดมากขึ้น และ 2.อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลจะอยู่ภายใต้กฎหมาย และการดูแลของก.ล.ต.สหรัฐ
“ในระยะ 3-5 ปี ข้างหน้า คาดการณ์ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะ อยู่ในจุดที่สามารถขับเคลื่อนได้สะดวกและรวดเร็วกว่าปัจจุบัน ซึ่งนอกจากบริษัทต้องการที่จะสร้างผลตอบ แทนที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแล้ว บริษัทจะพยายามลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่จัดการได้ดีด้วย รวมถึงร่วม เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้ลงทุนจากกลุ่ม สแกมเมอร์”
ปัจจุบันเมอร์เคิลมีมูลค่ารวมของสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุน (AUM) ภายใต้การดูแล ซึ่งคาดว่ามีโอกาสเป็นไปตามแผนที่ 1.15 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่า AUM เติบโตอย่างน้อย 2 เท่าในปี 2567 และสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์