หุ้น MicroStrategy ช้อนซื้อบิตคอยน์ตลอดปี ทำกำไร 337% โตแรงแซง Nvidia - Meta
หุ้น MicroStrategy ช้อนซื้อบิตคอยน์ตลอดปี ดันราคาหุ้นทำกำไร 337% โตแรงแซงหุ้นเทคอย่าง Nvidia - Meta ซึ่งการถือครองบิตคอยน์ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 90% ของมูลค่าบริษัท
Keypoint:
- MicroStrategy ทํากําไรได้มากกว่า 337% เมื่อสิ้นสุดปี 2566 โตแซงหน้าบริษัทเทคในสหรัฐ
- การเติบโตจากแรงหนุนถือครอง bitcoin ติดเป็น 90% ของมูลค่าบริษัท ซึ่งบริษัทเริ่มสะสมในปี 2563
- มูลค่าส่วนใหญ่ของ MicroStrategy ตอนนี้มาจาก bitcoin แม้ว่าจะยังมีธุรกิจซอฟต์แวร์อยู่ก็ตาม
บริษัท MicroStrategy ก่อตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 35 ปีที่แล้ว และดำเนินธุรกิจบริษัทซอฟต์แวร์ตลอดมา แต่ในปี 2566 ราคาหุ้นได้ทะยานขึ้น 337% ทําให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีกําไรมากที่สุดในสหรัฐจากบรรดาบริษัทที่มีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ขึ้นไป แซงหน้าการเติบโตของหุ้น Nvidia ที่เติบโต 234% และ หุ้น Meta ที่เพิ่มขึ้น 194%
รูปแบบการเติบโตของบริษัท MicroStrategy ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่พึ่งพาการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งการตลาดเพื่อกระตุ้นราคาหุ้น
แต่การดึงดูดนักลงทุนของ MicroStrategy เกือบทั้งหมดเกิดจาก “บิตคอยน์” bitcoin เท่านั้น โดยบริษัทเริ่มซื้อสกุลเงินดิจิทัลในช่วงกลางปี 2563 และได้สะสมรวบรวมบิตคอยน์ประมาณ 174,530 บิตคอยน์ ซึ่งตอนนี้มีมูลค่าประมาณ7.65 พันล้านดอลลาร์
ทำให้มูลค่าตลาดของ MicroStrategy อยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งหมายความว่า 90% ของมูลค่านั้นผูกติดอยู่กับการถือครองบิตคอยน์โดยตรง เมื่อบิตคอยน์ดิ่งลงหรือพุ่งขึ้นจะกระทบต่อ MicroStrategy เช่นกัน
สะท้อนจากในปี 2565 ราคาบิตคอยน์ร่วงลดลง 64% ทําให้มาร์เก็ตแคปของ MicroStrategy ลดลง ถึง 74% แม้ว่าตลาดคริปโทจะประกอบตัวขึ้นมาแล้วแต่ราคาหุ้นของ MicroStrategy ยังคงต่ำกว่าราคานิวไฮในปี 2564 ขณะเดียวกับที่ตลาดคริปโทบลูรันรอบก่อน
MicroStrategy เริ่มลงทุนบิตคอยน์
ย้อนกลับไปในช่วงกลางปี 2563 MicroStrategy มีเงินสด และการลงทุนระยะสั้นมากกว่า 530 ล้านดอลลาร์ในงบดุลทำให้ ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ก่อตั้ง Co-founder ซึ่งเป็น CEO ในขณะนั้น เห็นว่าเงินแทบจะไม่ได้ใช้งานเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและต้องการทําให้มันใช้งานได้
จากนั้น เขาต้องตัดสินใจว่าหุ้น โลหะ หรือบิตคอยน์จะเป็นการใช้เงินทุนที่ดีที่สุด
เซย์เลอร์ กล่าวในการเรียกรายได้ครั้งแรกหลังจากที่บริษัทประกาศกลยุทธ์ว่า เหตุผลที่เราตัดสินใจซื้อบิตคอยน์ก็เพราะว่าบิตคอยน์เป็นรูปแบบหนึ่งของทองคําดิจิทัล และบิตคอยน์ยากกว่าทองคํา มันฉลาดกว่า แข็งแกร่งกว่า เร็วกว่าทองคํา”
การตัดสินใจในครั้งนี้ของเซย์เลอร์ สร้างหนทางให้นักลงทุนมีส่วนได้ส่วนเสียในบิตคอยน์ผ่านการซื้อหุ้นของบริษัทแทนที่จะต้องซื้อเหรียญโดยตรง
เซย์เลอร์ คาดว่าตลาดกระทิงจะทำให้บิตคอยน์เติบโตในปีหน้า 99.9% ของเงินทุนในโลกลงทุน จะอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ หุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ และเพียง 0.1% อยู่ในบิตคอยน์
รูปแบบการลงทุนแบบใหม่
MicroStrategy ไม่ใช่บริษัทแรกที่นําเงินสดบางส่วนไปลงทุนในการลงทุนทางเลือก และไม่ใช่บริษัทสุดท้ายที่จะมองหาวิธีสร้างผลตอบแทนที่เกินขนาดจากเงินนั้น
แต่ MicroStrategy มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ถูกมองว่าเป็นบริษัทโฮลดิ้ง bitcoin เกือบทั้งหมด
อ้างอิง CNBC
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์