ก.ล.ต. เคลียร์ข้อสงสัย หลังเบรก นักลงทุนไทยเทรด ‘Bitcoin ETF’

ก.ล.ต. เคลียร์ข้อสงสัย หลังเบรก นักลงทุนไทยเทรด ‘Bitcoin ETF’

หลังจากเมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมานี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐอเมริกา หรือ "ก.ล.ต.สหรัฐ"  มีมติอนุมัติให้จัดตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETF อย่างเป็นทางการครั้งแรก  ปลุกกระแสตลาดคริปโทเคอเรนซี่กลับมาอีกครั้ง  

ขณะที่ฝั่งประเทศไทย “ตั้งหน้าตั้งตาคอย”  และ “ตั้งคำถาม” ว่า จะสามารถซื้อขาย Spot Bitcoin ETF ในประเทศไทยได้หรือไม่?

จนกระทั่ง ล่าสุดช่วงต้นสัปดาห์มานี้ สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกหนังสือชี้แจง “ไม่อนุญาตให้มีการซื้อขาย Spot Bitcoin ETF ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดๆ ก็ตาม” 

 

ประกาศแถลงการณ์ ของก.ล.ต. ระบุว่า จาก การที่  Spot Bitcoin ETF รวมถึงหลักทรัพย์อื่นที่อ้างอิงคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Depositary Receipt (DR) เป็นหลักทรัพย์ที่ยังไม่สามารถออกเสนอขายในประเทศไทยได้ 

ดังนั้น จึงเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่อยู่ในขอบเขตที่บริษัทหลักทรัพย์ไทยสามารถให้บริการแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศลงทุนโดยตรงได้ รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้กองทุนรวมไปลงทุนตรงใน Spot Bitcoin ETF ได้ โดยตรงเช่นกัน

อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. ได้เน้นย้ำถึงการ ให้ความสำคัญกับการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจ ที่จะต้องคำนึงถึงการคุ้มครองผู้ลงทุนในการได้รับคำแนะนำการลงทุนที่เหมาะสม และเห็นว่าในปัจจุบันนี้ พัฒนาการของ Spot Bitcoin ETF ในต่างประเทศยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และอาจยังไม่ได้สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยตรงที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทยในปัจจุบัน

โดย ก.ล.ต. จึงขอติดตามพัฒนาการ การกำกับดูแล และการดำเนินการในด้านต่างๆ ให้มั่นใจเพียงพอ ถึงมาตรการคุ้มครองดูแลผู้ลงทุน เพื่อพัฒนาแนวทางการกำหนดนโยบายในการกำกับดูแลต่อไป

แต่นักลงทุนบางกลุ่มยังมีข้อสงสัย ยังมีเหตุอื่นๆ หรือข้อกังวลอื่นใด  อีกหรือไม่ ที่ทำให้ ก.ล.ต. ยังไม่อนุญาตให้มีการซื้อขาย Spot Bitcoin ETF ในประเทศไทย 

ต่อประเด็นดังกล่าว “เอนก อยู่ยืน” รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. พร้อมตอบเคลียร์ทุกข้อสงสัยดังกล่าว ดังนี้ 

  • ปัจจุบันช่องทางการซื้อขาย Bitcoin นักลงทุนทั่วไปสามารถทำได้อยู่แล้ว และมีกฎหมายคุ้มครองผู้ลงทุน 
  • ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะนำ Spot ETF Bitcoin เข้ามาซื้อขายในไทย 
  • การลงทุนใน สินทรัพย์ดิจิทัล ยังมีความเสี่ยงที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ยังไม่ควรซื้อขายในวงกว้าง 

“เอนก” กล่าวว่า บริบทของไทย ยังไม่มี เหมือนสหรัฐ เพราะเรามีเรื่องคุ้มครองความปลอดภัย นักลงทุน ทั้ง พ.ร.ก สินทรัพย์ดิจิทัล และการเก็บในโควอเลตและฮอทวอเลต นักลงทุนทั่วไปสามารลงทุนบิทคอยน์ ผ่านการกำกับผู้ประกอบการเอ็กเชนจ์ที่ได้รับใบอนุญาต นำโปรดักส์ที่ดี มีคำแนะนำลูกค้า มีการเปิดเผยข้อมูล อยู่แล้ว และยังมีอินเวสท์เม้นท์โทเคน ตอบโจทย์บริบทของไทยในตอนนี้

ดังนั้น เราจึงยังไม่จำเป็นต้อง เร่งรัดให้มี Spot ETF Bitcoin ในไทย และยังไม่อนุญาตในทุกช่องทางให้บริการนำลูกค้ารายย่อยไปลงทุนในลักษณะดังกล่าวในต่างประเทส  เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวกลางอาจจะสร้างปัญหาในอนาคต  ทาง ก.ล.ต. ได้มีหนังสือกำชับ ไปยัง บล. ไม่ให้มีการให้บริการในส่วนนี้ แล้ว 

แต่ ก.ล.ต.จะติดตามพัฒนาการ Spot ETF Bitcoin ในสหรัฐ ต่อไปว่า ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้น มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ตอบโจทย์บริบทของนักลงทุนและประเทศอย่างไรได้บ้าง

ในอนาคต Spot ETF Bitcoin ในไทย จะทำได้หรือไม่ยังต้องติดตามในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 

  • คงจะมีการเปลี่ยนรูปแบบการกำกับดูแลผ่าน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เพื่อเข้าถึงกับประชาชนในวงกว้าง 
  • มองในแง่ความจำเป็นที่จะเปิดให้ประชาชนนักลงทุนทั่วไปควรเข้าถึงได้หรือไม่ 
  • มีความเสี่ยงที่มากเกินไปหรือไม่
  • จำเป็นกับผู้ลงทุน และประเทศชาติ ได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ อย่างไรบ้าง

“ส่วนเมื่อไรที่เห็นถึงจำเป็นต้องมีหรือไม่ Spot ETF Bitcoinเรามองว่า ยังเป็นเรื่องในอนาคตที่ต้องติดตาม ซึ่งกว่าที่สหรัฐจะตัดสินใจทำในแนวทางนี้ ต้องใช้เวลากว่า 10 ปี เรายังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แต่เรามองความเสี่ยงสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าหลักทรัพย์อื่นๆและขณะเดียวกันธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงทั้งโครงสร้ากฎหมายและยกระดับผู้ประกอบการให้แข็งแกร่ง ดูแลผู้ลงทุน”