รู้จัก Solana เหรียญที่แซงไบแนนซ์คอยน์ มาร์เก็ตแคปขึ้นอันดับ 4 กระดานคริปโท
ชวนรู้จักเหรียญ Solana เหรียญในสาย DeFi ให้มากขึ้น เพราะว่ากันว่า SOLANA เป็นบล็อกเชนที่เร็ว และค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด ซึ่งมีความน่าสนใจอย่างไรจึงทำให้มูลค่าตลาดแตะ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ของกระดานคริปโทเคอร์เรนซี แซงหน้าเหรียญ BNB ของ Binance ไปได้
เหรียญ Sol หรือ Solana มีมาร์เก็ตแคปขึ้นแซงเหรียญไบแนนซ์คอยน์ หรือ BNB ของ Binance ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ด้วยมูลค่าตลาดของเหรียญพุ่งขึ้นไปแตะ 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมา 1.81% ตามข้อมูลของ CoinMarketCap
โดยการเพิ่มขึ้นของ Solana ในครั้งนี้ เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ดัชนี Fear and Greed Index ขึ้นแตะ 79 จุดหลังจากที่ราคาบิตคอยน์(Bitcoin) พุ่งขึ้นไปแตะ 50,000 ดอลลาร์อีกครั้ง ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดที่สุดถ้านับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564
แม้ว่า Solana จะสามารถแซงหน้า BNB ไปได้ แต่ด้วย Solana เป็นเหรียญประจำแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องของความเร็วในการทำธุรกรรมตลอดจนค่าธรรมเนียมที่แพงโดยมีนวัตรกรรมที่เรียกว่า Proof-of-History แต่เครือข่ายกลับล่ม หรือประสบปัญหาขัดข้องอยู่บ่อยครั้ง
ขณะเดียวกันสมาร์ตโฟนของ Solana ที่พึ่งเปิดตัวไปอย่าง Chapter 2 ก็ได้มียอดสั่งซื้อล่วงหน้ากว่า 100,000 เครื่องภายในเวลาไม่ถึง 30 วัน ในราคาเครื่องละประมาณ 20,000 บาท ถือว่าเยอะมากเมื่อเทียบกับเครื่องรุนแรงที่ใช้เวลาเกือบหนึ่งปีแต่กลับขายได้เพียง 20,000 เครื่อง
ส่วนเหรียญ BNB ของ Binance นั้น เจอกับปัจจัยลบหลายอย่าง ทั้งความท้าทายด้านกฎระเบียบอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่วันพิพากษาของ จางเผิง จ้าว (Changpeng Zhao) ผู้ก่อตั้ง Binance ถูกเลื่อนเป็น 30 เมษายน ซึ่งก็ยังคงถูกบังคับให้จ่ายเงินชดเชยกว่า 175 ล้านดอลลาร์ และต้องอาศัยอยู่ในสหรัฐต่อไป
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วเหรียญ SOL คือเหรียญอะไร?
Solana (SOL) คือ เครือข่าย"บล็อกเชน" ที่ว่ากันว่ามีความเร็วในการทำธุรกรรม สามารถรองรับธุรกรรมได้สูงถึง 50,000 ธุรกรรมต่อวินาที และใช้เวลาในการสร้างบล็อกเพียง 400 มิลลิวินาทีต่อบล็อก จึงทำให้ Solana ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายบล็อกเชนที่เร็วที่สุดในปัจจุบัน
SOL คือ Native Currency หรือบนเครือข่าย Solana จึงสามารถใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการโอนหรือการใช้บริการ DeFi ที่สร้างขึ้นบน Solana และสามารถ Stake เหรียญไว้บนเครือข่าย Solana เพื่อช่วยตรวจสอบธุรกรรม และรับรางวัลเป็นเหรียญ SOL เป็นเหรียญในสาย DeFi ที่ก่อตั้งขึ้นมาในเดือนมีนาคม 2560 โดยมูลนิธิ Solana ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ถ้าหากอธิบายการทำงานของ Solana แบบง่ายๆก็คือ เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องของความเร็วในการทำธุรกรรมตลอดจนค่าธรรมเนียมที่แพงโดยมีนวัตรกรรมที่เรียกว่า Proof-of-History
Proof-of-History คืออะไร
อธิบายก่อนว่าวิธีการตรวจสอบธุรกรรมบนบล็อกเชนมีตั้งแต่วิธีการแบบ Proof-of-Work หรือวิธีการขุด ต่อมาได้มีการพัฒนามาเป็นรูปแบบของ Proof-of-Stake หรือการทำ Staking โดยให้ผู้ใช้งานในบล็อกเชนนำเหรียญสกุลเงินดิจิทัลมาวางไว้ในระบบเพื่อช่วยกันยืนยันการทำธุรกรรม และได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญสกุลนั้นๆ กลับไป
แต่ Solana ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า Proof-of-History ซึ่งจะตรวจสอบ และยืนยันการทำธุรกรรมด้วยการใช้ข้อมูลที่เกิดขึ้นในอดีตจึงไม่จำเป็นต้องใช้คนในแพลตฟอร์มหรือว่า Node มาช่วยยืนยันการทำธุรกรรม โดยการทำงานของ Solana จะเป็นแบบผสมก็คือยังมีการใช้คอนเซปต์ของ Proof-of-Stake เข้ามาร่วมด้วยจึงออกมาเป็นแบบลูกผสม
นอกจากนี้ ปัจจุบัน Solana ยังมีโปรเจกต์มากกว่า 400 โปรเจกต์ที่สร้างขึ้นบนเครือข่าย ทั้ง DeFi, NFTs, Web3 และอีกมากมาย เช่น Serum, Raydium รวมถึง USDT กับ USDC ที่เป็น Stablecoin ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีก็สามารถทำงานบน Solana ได้เช่นกัน
โดยข้อดีหลายๆ อย่างของเหรียญ SOL ทำให้ราคานับตั้งแต่เปิดเทรดในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2563 ซึ่งช่วงปีแรกยังมีผลงานไม่ดีนัก และตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมาราคาได้เป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันได้มีผู้พัฒนาโปรเจกต์บล็อกเชนโดยเฉพาะ DeFi จำนวนมากที่หันมาใช้เทคโนโลยีของ Solana ด้วยจุดเด่นของความเร็ว และค่าธรรมเนียมที่ต่ำ ทั้งนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่า Solana จะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับผู้ที่อยู่มาก่อนอย่าง Ethereum,Polkadot,Cardano,Tron รวมถึง Binance Smart Chain ได้หรือไม่ และจะก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกสำหรับผู้พัฒนา DeFi Protocol ได้หรือไม่
อ้างอิง cointelegraph bitkub
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์