เรื่อง “การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย ก.ล.ต. ส่งเสริมนวัตกรรมฯ และคุ้มครองผู้ลงทุน”
คริปโทเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลมีการแบ่งแยกการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์และการประกอบธุรกิจทั้งในด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ ดิจิทัลอย่างชัดเจน
ปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในหลายประเทศมีแนวโน้มที่จะกำกับดูแลการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ ดิจิทัลอย่างเข้มข้น เช่น เกาหลีใต้ โดยคณะกรรมาธิการบริการการเงิน (Financial Services Commission : FSC) ออก แนวปฏิบัติในการกำหนด listing rule ของศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลและให้ delist คริปโทเคอร์เรนซีที่ไม่สามารถเปิด ข้อมูลตามที่กำหนดได้ขณะที่ ก.ล.ต. สหรัฐอเมริกา (US SEC) มีหนังสือแจ้งเตือนแพลตฟอร์มที่ให้บริการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ โดยไม่ได้จดทะเบียนกับ US SEC เช่น Robinhood และ Coinbase
จากการแจ้งเตือนแพลตฟอร์มฯ ของ US SEC ทำให้ภาคเอกชนมีข้อสงสัยถึงความชัดเจนในตัวบทกฎหมาย (regulatory clarity) ของสหรัฐฯ ว่า ผลิตภัณฑ์ใดมีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ (securities) หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) และ ผลิตภัณฑ์ใดอยู่หรือไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ US SEC ซึ่งประเด็นความชัดเจนทางกฎหมายนี้ ถือเป็นความท้าทายใน การกำกับดูแลที่จะต้องติดตามว่า สหรัฐฯ จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป
สำหรับประเทศไทยมีการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) ซึ่งได้กำหนดนิยาม “สินทรัพย์ดิจิทัล” ว่าหมายถึง “คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล” อีก ทั้งยังกำหนดว่า “หลักทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไม่ให้ถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีหรือโท เคนดิจิทัล” ดังนั้น จึงมีการแบ่งแยกการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์และการประกอบธุรกิจทั้งในด้านหลักทรัพย์และสินทรัพย์ ดิจิทัลอย่างชัดเจน
นอกจากนี้เนื่องจากกฎหมายแต่ละฉบับมีเจตนารมณ์ในการบังคับใช้ที่ต่างกันจึงมีมาตรการลงโทษที่ต่างกันด้วย ความ ชัดเจนในกฎหมายดังกล่าวส่งผลให้การบังคับใช้กฎหมายได้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงและการกระทำที่เกิดขึ้น โดย พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีเจตนารมณ์ที่จะกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากเทคโนโลยีใหม่ ๆ นอกจากผลิตภัณฑ์เพื่อการระดมทุน ภายใต้พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งมุ่งกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน ระดมทุนประเภทตราสารหนี้และตราสารทุน เป็นต้น
ความชัดเจนในกฎหมายทำให้สามารถกำกับดูแลผลิตภัณฑ์รูปแบบธุรกิจ ผู้ประกอบธุรกิจและบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้ตรง ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมทางการเงินที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรม การเงินการลงทุนตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกันนั้น ยังทำให้การออกมาตรการคุ้มครองผู้ลงทุน มีความเหมาะสมกับลักษณะและความเสี่ยงของแต่ละผลิตภัณฑ์และรูปแบบธุรกิจได้
การส่งเสริมนวัตกรรมทางการเงิน
การส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุนของกิจการ นับเป็นบทบาทสำคัญหนึ่งของ ก.ล.ต. ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ ชัดเจนคือ การสนับสนุนกระบวนการการออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชน (initial coin offering : ICO) โดยเฉพาะโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (investment token) เช่น
• โทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์(real estate-backed token)
- โทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงหรือมีกระแสรายรับจากทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน (infra-backed token)
- โทเคนดิจิทัลเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green token)
- โทเคนดิจิทัลเพื่อความยั่งยืน (sustainability token) และ
- โทเคนดิจิทัลเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน (sustainability-linked token)
รวมทั้งสนับสนุนให้มีการเสนอขาย investment token ในรูปแบบ shelf filing สำหรับโครงการในกลุ่มอุตสาหกรรม วัฒนธรรมสร้างสรรค์ (soft power) เป็นต้น เพื่อให้การเสนอขายโทเคนดิจิทัลมีความยืดหยุ่นและสะดวกมากขึ้น และทำให้ โทเคนดิจิทัลเป็นหนึ่งในช่องทางระดมทุนที่มีศักยภาพและเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. จะเปิดให้มีโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการให้บริการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Regulatory Sandbox) โดยเปิดโอกาสให้ผู้สนใจสามารถทดสอบการให้บริการกับลูกค้าจริงได้ โดยไม่ถือ เป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ต้องได้รับอนุญาต แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่า อีกไม่นานจะประกาศเป็นหลักเกณฑ์เปิดรับผู้ร่วมโครงการได้
การคุ้มครองผู้ลงทุน
สำหรับคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนของมูลค่าสูง ก.ล.ต. จึงกำกับดูแลให้ผู้ประกอบ ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องทำความรู้จักลูกค้าผ่านกระบวนการทำ Know Your Customer/Customer Due Diligence (KYC/CDD) ประเมินความเหมาะสมในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (suitability test) และจัดให้ลูกค้าเข้ารับการอบรม ความรู้เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีหรือการทดสอบความรู้ (knowledge test) เกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซี
ขณะเดียวกัน ก.ล.ต. ส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านสื่อรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น จัดทำหลักสูตร e-learning “ก.ล.ต. Crypto Academy” บนเว็บไซต์ www.seccryptoacademy.com เพื่อเป็นแหล่งความรู้ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งความรู้พื้นฐาน ความเข้าใจถึงความเสี่ยงในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงสร้างภูมิคุ้มกัน รู้เท่าทัน ภัยกลโกงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
นอกจากนี้ ก.ล.ต. สนับสนุนให้มีผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทยที่มีคุณภาพในจำนวนที่เพิ่มขึ้น มีขีดความสามารถใน การแข่งขันได้ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีทางเลือกมากขึ้น โดยได้รับบริการจากผู้ประกอบธุรกิจที่มีคุณภาพ มีโครงสร้าง การบริหารจัดการระบบงานและติดตามความเสี่ยงตามมาตรฐานสากล และมีแนวทางการฏิบัติงานเป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่ กำหนดภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต. รวมทั้งเป็นไปตามมาตรฐานการประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตลาดมีการแข่งขัน อย่างเป็นธรรมและเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไทย
แนวทางกำกับดูแลในอนาคต
เพื่อให้การกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลมีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสอดคล้องกับหลักการ same activity, same risk, same regulatory outcome ก.ล.ต. จึงอยู่ระหว่างปรับปรุง พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับการย้าย โทเคนดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นการระดมทุน มากำกับดูแลภายใต้พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และปรับปรุง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ ให้สอดคล้องกับลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ยังคงอยู่ภายใต้ พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ
ไม่ว่าการกำกับดูแลและพัฒนาทั้งฝั่งตลาดทุนและฝั่งสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยของ ก.ล.ต. ในระยะข้างหน้าอาจต้องเผชิญกับ ความท้าทายอีกมากแค่ไหน ก.ล.ต. ยังคงมุ่งมั่นกับบทบาทในการเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในตลาดสินทรัพย์ ดิจิทัลให้มีความน่าเชื่อถือ โดยให้ความสำคัญกับการสร้าง “ความสมดุล” ระหว่างการคุ้มครองผู้ลงทุนและการส่งเสริม นวัตกรรมทางการเงิน เพื่อให้มีกลไกคุ้มครองผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุน ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน