เทรนด์ Tokenization โลกในปี67 ยังดีอยู่ไหม อยากเริ่มต้องทำอย่างไร?

เทรนด์ Tokenization โลกในปี67 ยังดีอยู่ไหม อยากเริ่มต้องทำอย่างไร?

ท่ามกลางกระแสการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในช่วงปี 2567 “สินทรัพย์ดิจิทัล” ได้รับการยอมรับมากขึ้นและมีการขยับขยายเป็นวงกว้าง

ในปี 2567 กลุ่มนักลงทุนและภาคส่วนองค์กรสถาบันขนาดใหญ่ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ทั้งการเปิดตัวกอง spot BTC ETF ของสหรัฐฯ และฮ่องกงในช่วงต้นปี ล่าสุดมีการเปิดตัวกองทุน spot ETH ETF เพิ่มเติมในฝั่งสหรัฐ 

การอนุมัติเหล่านี้ได้เพิ่มเงินทุนใหม่เข้าสู่ตลาดอย่างมาก ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์หลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดย Bitcoin ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ราคา 73,098 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี2567 

 

จากข้อมูลกอง spot BTC ETF ทั้ง 11 กองทุนมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (assets under management – AUM) รวมแล้วกว่า 6.04 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ ข้อมูลวันที่ 23 ก.ค. 2024) เทียบระดับ AUM ตั้งต้นที่ 2.86 หมื่นล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 111% ในระยะเวลาเพียง 7 เดือน  

ซึ่งในระยะหลังจากนี้ จากการประเมินของ K33 Research สถาบันวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลชื่อดัง ซึ่งครอบคลุมภูมิภาค EMEA ประมาณการณ์ Spot Ethereum ETF ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินเข้าสุทธิได้อีกราว 3,100-4,800 ล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนแรกหลังเปิดให้มีการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยเป็นการเทียบประเมินจากขนาด market cap ของสินทรัพย์อย่าง BTC (BTC/ETH  Market cap ratio ณ วันที่ 23 ก.ค. 2567: 3.33x)

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ crypto ETF ที่เริ่มต้นขึ้นในสหรัฐฯ มีผลกระทบอย่างมากต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนสถาบันในตลาดคริปโต ข้อมูลรายงานจากเอกสาร 13F filings ต่อ SEC เปิดเผยจากข้อมูลช่วง ครึ่งปีแรก2567  มีบริษัทการลงทุนมืออาชีพแล้วกว่า 600 แห่งเข้าถือครอง Bitcoin ETF มูลค่าร่วม 3.5 พันล้านดอลลาร์

โดยเม็ดเงินการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลามในตลาดคริปโตนี้ จะเป็นใบเปิดทางให้กลุ่มบริษัทและสถาบันการเงินขนาดใหญ่เริ่มหันให้ความสนใจในตลาดคริปโต ส่งผลให้ตลาดมีแนวโน้มขยับขยายอย่างมีศักยภาพการและเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะถัดไป

นักวิเคราะห์ บริษัท XSpring  ให้มุมมองต่อเทรนด์ การเข้าถึงของกลุ่มนักลงทุนสถาบันในตลาดคริปโตที่มากขึ้นจากการเปิดตัวกอง crypto ETF ในปีนี้ ว่า จะเป็นสะพานเชื่อมที่ดีระหว่างตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและตลาดคริปโต ส่งผลให้มีการบูรณาการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน (tokenization)

ช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถขยายพอร์ตการลงทุนและปรับปรุงการจัดการความเสี่ยงได้โดยขยายการเข้าถึงสินทรัพย์ประเภทต่างๆ และตลาดทั่วโลกได้มากขึ้น โดยอยู่ภายใต้ข้อกำหนดกฏเกณฑ์ที่ชัดเจนและครอบคลุม การเกิดขึ้นของ Bitcoin ETFs และการ tokenized สินทรัพย์ในโลกจริง (RWA)

ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงมุมมองการลงทุน แต่ยังสร้าง synergy กำหนดนิยามใหม่ให้กับการมองสินทรัพย์ที่หลากหลายและการเงินดิจิทัลของตลาดทุนโลก

ตัวอย่างสินทรัพย์ที่ถูกนำมา tokenized ในตลาด ได้แก่

พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันมีมูลค่าเป็น RWA Tokenized แล้วกว่า $1.92 พันล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 147% yoy ตอกย้ำการ tokenization ที่มากขึ้นจนเป็นหนึ่งในเทรนการลงทุนที่น่าจับตาเป็นอันดับต้นๆในปีนี้  

อะไรคือ Tokenization?

กระบวนการ Tokenization คือการสร้างโทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในโลกความจริง (Real World Asset Tokenization) ของตลาดคริปโตเคอเรนซี โดยเป็นกระบวนการที่เปลี่ยนสินทรัพย์ที่จับต้องได้ให้กลายเป็นโทเค็นดิจิทัลที่สามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มบล็อกเชน สินทรัพย์ดังกล่าวได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล อสังหาริมทรัพย์ สินทรัพย์โภคภัณฑ์ต่างๆ

ตัวอย่างกองทุนโทเค็นที่เป็นตัวแทนของการนำสินทรัพย์ในโลกความเป็นจริง (Real-World Asset Tokenization Fund) มาประยุกต์ใช้ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีบล็อกเชน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้แก่ กองทุน BUIDL ของ BlackRock ซึ่งเปิดตัวในเดือนมี.ค. 2024 เน้นการ tokenized พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ บนเครือข่าย Ethereum, Polygon, และ Solana โดยกองทุนนี้มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นแตะ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในเวลาไม่ถึงสี่เดือนนับตั้งแต่เปิดตัว 

การเติบโตอย่างรวดเร็วและความสำเร็จของกองทุน BUIDL ของ BlackRock ในปี 2024 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ในภาคการเงินแบบดั้งเดิม หนุนการยอมรับในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นในวงการการเงินที่จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงของเงินทุน สภาพคล่อง ความโปร่งใสที่มากขึ้น รวมถึงลดทอนต้นทุนในการทำธุรกรรม  

อีกเทรนด์การ tokenized สินทรัพย์ที่น่าจับตา ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามารถกลายเป็นนวัตกรรมแนวหน้าของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2024 โดยกระบวนการ tokenization จะสามารถทำให้การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการถือครองกรรมสิทธิ์แบบสัดส่วน (fractional ownership) รวมถึงหรือกระบวนการชำระเงินบนบล็อกเชนที่รวดเร็วยิ่งขึ้น การโทเคไนซ์สามารถปฏิวัติแนวคิดสิทธิในทรัพย์สินและการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแต่เดิมนั้นถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่มีอุปสรรคการเข้าถึงที่สูงและสภาพคล่องต่ำ ด้วยการ tokenized นักลงทุนสามารถซื้อและขายหุ้นในอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างง่ายดาย ทำให้การลงทุนมีความยืดหยุ่นและน่าสนใจมากขึ้น

ขั้นตอนและองค์ประกอบสำคัญของการ Tokenization มีดังนี้:

1. การเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการสร้างโทเค็น

ขั้นแรกคือการเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการนำมาทำเป็นโทเค็น สินทรัพย์เหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งอสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน หรืองานศิลปะ โดยสินทรัพย์เหล่านี้ต้องมีมูลค่าและสามารถตรวจสอบได้

2. การประเมินและการแปลงสินทรัพย์

ขั้นตอนนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินมูลค่าของสินทรัพย์และการแปลงมูลค่านั้นเป็นโทเค็นบนบล็อกเชน โดยสินทรัพย์จะถูกแปลงเป็นโทเค็นดิจิทัลที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับสินทรัพย์จริง โดยมีการใช้ oracle blockchain ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเชนต่างๆ และข้อมูลภายนอก เพื่อการประเมินมูลค่าที่ถูกต้องตรงตามข้อมูล เพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน

3. การสร้างสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts)

การสร้างโทเค็นจำเป็นต้องใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ทำงานบนบล็อกเชน สัญญาอัจฉริยะจะกำหนดคุณสมบัติและการทำงานของโทเค็น เช่น การกำหนดจำนวนโทเค็นที่ออก การโอนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และการแจกจ่ายรายได้จากสินทรัพย์

4. การออกโทเค็น

เมื่อสร้างสัญญาอัจฉริยะเรียบร้อยแล้ว โทเค็นจะถูกออกและแจกจ่ายให้กับผู้ถือโทเค็นตามสัดส่วนที่กำหนด โทเค็นเหล่านี้จะถูกเก็บไว้ในกระเป๋าดิจิทัลและสามารถซื้อขายได้บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซี

5. การบันทึกข้อมูลและความโปร่งใส

ข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่ถูกโทเค็นจะถูกบันทึกไว้บนบล็อกเชน ทำให้สามารถตรวจสอบและยืนยันได้อย่างโปร่งใส ข้อมูลเหล่านี้รวมถึงการประเมินมูลค่า การทำธุรกรรม และสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ

6. การปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับ

การสร้างโทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในโลกจริงจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการเงินและการควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ

ตัวอย่างโทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ในโลกจริงที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่:

โทเค็นที่เป็นตัวแทนของอสังหาริมทรัพย์: เช่น โทเค็นที่ใช้ในแพลตฟอร์ม RealT ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยใช้โทเค็น

โทเค็นที่เป็นตัวแทนของสินค้าโภคภัณฑ์: เช่น โทเค็นที่ใช้ในแพลตฟอร์ม Tether Gold (XAUt) ซึ่งเป็นตัวแทนของทองคำ

ในปัจจุบันโลก Decentralized Finance (DeFi) ของตลาดคริปโตมี RWA ที่ผ่านการ tokenization รวมแล้วมูลค่ากว่า $4 พันล้านเหรียญฯ และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากคาดการณ์โดยอิงการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ (Illiquid Asset) ซึ่งโดยปกติสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำมักจะซื้อขายในราคาต่ำกว่าความเป็นจริงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง 

สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องมักมีอัตราส่วน stock-to-flow ที่ 28.3 เทียบสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงที่ระดับ 1.11 ตัวอย่างสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำ ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ดิน สินค้าโภคภัณฑ์ โครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ เช่น เหมือง/ท่าเรือ งานศิลปะชั้นสูง และโครงสร้างพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำจึงเป็นสินทรัพย์ที่มักได้ประโยชน์หลักจากการแปลงให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชนเพื่อการซื้อขายที่ง่ายขึ้นในตลาดดิจิทัล   

คาดในช่วงปี 2573  ตลาดสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องต่ำที่ถูกแปลงให้อยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลบนบล็อกเชนจะสามารถมีมูลค่าตลาดที่ขยายแตะระดับ 16 ล้านล้านเหรียญฯได้ในอนาคต ซึ่งคิดเป็นระดับ 10% ของ Global GDP ในปี 2573 (ประมาณการณ์จากระดับการเติบโตของตลาด tokenization ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ 10% ของระดับ Global GDP)

และจากข้อมูลพบว่ามีกลุ่มนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่แพลนที่จะก้าวเข้าสู่การลงทุนในกองทุน tokenization อย่างล้นหลาม เรามีตัวอย่างสถาบันต่างๆที่เตรียมการลงทุนเปิดกอง tokenized fund เพิ่มเติมในอนาคต เริ่มต้นนับแต่ช่วง ไตรมาส3 ปี2567  ของปีนี้ ได้แก่

- Coinbase เตรียมจับมือ Apex Group ซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า $3 ล้านล้านเหรียญฯ เตรียมเปิดตัวกอง tokenized money-market fund จำพวกพวกตราสารหนี้ระยะสั้นบน Base Blockchain ซึ่งเป็น L2 บน Ethereum Network 

- Goldman Sachs สถาบันการเงินเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี เตรียมเปิดตัวกอง tokenization อีกกว่า 3 กองภายในช่วงสิ้นปี 2024 นี้ จากข้อมูลเบื้องต้นจะเป็นการลงทุน tokenized กลุ่มกองทุนหุ้นในสหรัฐฯ ตลาดตราสารหนี้ยุโรป รวมถึงแพลนในการสร้าง marketplace สำหรับซื้อขายสินทรัพย์ที่ผ่านการ tokenized ในตลาด

- Visa และ Mastercard เริ่มต้นพัฒนาระบบ tokenized payment หลักๆเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้จ่าย คาดช่วยลดการถูกฉ้อโกงเงินในตลาดได้ถึง $650 ล้านเหรียญฯ ต่อปี

โดยสรุปแล้วเราจึงมองเทรนการลงทุนที่น่าสนใจนี้ เป็นหนึ่งในเทรนที่น่าจับตา ทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันทางการเงินต่างๆ ล้วนให้การสนับสนุน เปิดตัวกองทุนและผลิตภัณฑ์อย่างล้นหลาม เป็นอนาคตแห่งการลงทุนในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลยุคใหม่ที่มีแนวโน้มการเติบโตโดดเด่นในระยะถัดไป