แบงก์ชาติชี้ เศรษฐกิจก.ค.ทรุด ค่าครองชีพพุ่ง ทุบการบริโภคร่วง

แบงก์ชาติชี้ เศรษฐกิจก.ค.ทรุด ค่าครองชีพพุ่ง ทุบการบริโภคร่วง

ธปท.ชี้เงินบาท“อ่อนค่า”ภาวะปกติ ตามภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ คาดหากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องช่วยพยุงค่าเงิน มั่นใจเงินทุนไม่ไหลออก ขณะที่ภาพเศรษฐกิจก.ค. ชะลอลง จากเดือนก่อนหน้า หลังค่าครองชีพพุ่ง กดบริโภคดิ่ง

        น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินในเดือน ก.ค. เงินบาทอ่อนค่าจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ดำเนินนโยบายบายตึงตัวต่อเนื่อง เพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

     ส่งผลให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในสินทรัพย์เสี่ยง จึงอยู่ในโหมด “Risk off” มากขึ้น

       ส่วนความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในเดือนส.ค.มีความผันผวน ต้นเดือนส.ค.เปลี่ยนมาเป็นแข็งค่ามากขึ้น เนื่องจากตลาดการเงิน ผ่อนคลายจากการคาดการณ์ว่า เฟดอาจมีการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายทำให้คาดการณ์ว่าเฟดอาจไม่มีการเร่งขึ้นดอกเบี้ย

      แต่หลังจากนั้น เงินบาท กลับมาอ่อนค่ามากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.ที่ออกมาต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ และอ่อนค่าตามเงินหยวน ที่ความกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ที่อาจมีปัญหามากขึ้น

    นอกจากนี้ การกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม เพาเวล ประธานเฟด ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ชี้ให้เห็นว่าเฟดยังต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนทั่วโลก รู้สึกว่าsentiment เปลี่ยนไป ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวลดลง และเงินบาทกลับมาอ่อนค่า

ยันเงินทุนยังไหลเข้า

    “ถามว่า เงินบาทที่อ่อนค่า ธปท.กังวลหรือไม่ การเคลื่อนไหวเงินบาทลักษณะนี้ถือว่าเป็น trend ที่ธปท.เห็นมาสักระยะแล้ว จากการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจของตัวเอง ที่วันนี้เฟดเจอเงินเฟ้อที่สูง จึงต้องเร่งเอาเงินเฟ้อลงให้มากๆ หลักๆมาจากอุปสงค์ และเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไปของสหรัฐ เฟดจึงต้องเร่งเอาเงินเฟ้อลงมา ไม่งั้นเครื่องยนต์เงินเฟ้ออาจติดมากกว่านี้ ดังนั้นต้องให้มั่นใจว่าเครื่องยนต์เงินเฟ้อดับ”

      น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า ภายใต้บริบทของเศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัว และการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และไม่สะดุด จำเป็นที่เราต้องกลับมาดูที่บริบทของเศรษฐกิจไทยด้วย ที่การดำเนินนโยบายการเงินจำเป็นต้องดูบริบทภายในประเทศมากกว่า

    ส่วนการเคลื่อนย้ายเงินทุน ขณะที่ยังไม่พบการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ผิดปกติ สะท้อนว่านักลงทุนไม่ได้ดูจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ที่มีส่วนต่างกันมากนักระหว่างไทยกับสหรัฐ เพราะวันนี้ เงินทุนยังไหลเข้าไทย โดยเฉพาะเข้ามาในตลาดหุ้น แม้จะมีการไหลออกบ้างในตลาดพันธบัตร

      ทั้งนี้การอ่อนค่าของเงินบาท ถือว่าไม่ได้อ่อนค่าประเทศเดียว เพราะหากเทียบกับดัชนีค่าเงินบาทเทียบกับคู่ค้าหลักของไทยในภูมิภาค พบว่า เงินบาทไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เงินบาทยังเคลื่อนไหวตามสกุลเงินในภูมิภาค

เศรษฐกิจฟื้นตัวหนุนค่าเงินบาท

    อย่างไรก็ตาม มองว่า ระยะถัดไป ที่เศรษฐกิจไทย จะมีการฟื้นตัวมากขึ้น ทั้งการฟื้นตัวในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะทำให้แรงกดดันเงินบาทที่อ่อนค่าอาจมีข้อจำกัดมากขึ้น

     ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยเดือนก.ค. ที่ผ่านมา การฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลง หากเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ปรับตัวลดลง จากการเร่งไปก่อนหน้านี้

     เช่นเดียวกับส่งออกที่ลดลง สอดคล้องกับอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัวลง ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐหดดตัว จากรายจ่ายลงทุน

     โดยการบริโภคเอกชน เดือนก.ค. ลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้น 14.7% หลักๆ มาจากการบริโภคภาคเอกชนที่เร่งไปในช่วงก่อนหน้า บวกกับ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น ที่เป็นปัจจัยลบต่อการบริโภคเอกชน

     ส่วนภาพรวมนักท่องเที่ยว ยังพบว่าขยายตัวได้ต่อเนื่อง โดยก.ค. มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอยู๋ที่ 1.2 ล้านคน จาก 7.6 แสนคนในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นทุกสัญชาติ โดยเฉพาะมาเลเซีย จากการยกเลิกการลงทะเบียนไทยแลนด์พาส ทำให้ตั้งแต่ต้นปี มาถึงก.ค. มีนักท่องเที่ยวแล้ว 3.2 ล้านคน

    ซึ่งหนุนให้ดัชนีผลผลิตภาคบริการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกันภาคขนส่ง นอกจากนี้ ยังส่งผลให้ในหมวดโรงแรม ภัตคาร หมวดโดยสารปรับตัว อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทย

ตลาดแรงงานยังฟื้นตัวต่อ

     น.ส.ชญาวดี กล่าวว่า ตลาดแรงงานโดยรวม ยังทยอยฟื้นตัว โดยเห็นจากผู้ประกันตนมาตร 33 ที่ทยอยเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนผู้ขอสิทธิว่างงานลดลงต่อเนื่อง นอกจากนี้เห็นแรงงานที่คืนถิ่นใหม่ เริ่มกลับมาทำงานในเมืองต่างๆมากขึ้น สะท้อนว่ารายได้แรงงานน่าจะทยอยกลับมาได้

      ขณะที่ภาคส่งออกชะลอลงจาก ขณะที่การส่งออกสินค้าลดลงตามอุปสงค์คู่ค้าที่ชะลอตัว โดยการส่งออกในเดือน ก.ค.อยู่ที่ 3.4% ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า 

       ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังทรงตัว ที่ 7.61% แม้ราคาพลังงานจะชะลอลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับลดลง แต่พบว่าอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดเร่งขึ้นตามราคาผักและราคาเนื้อสัตว์

    ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเร่งขึ้นมาอยู่ที่ 2.99% ตามการปรับขึ้นราคาอาหารสำเร็จรูปและค่าโดยสารสาธารณะ ดังนั้นต้องติดตาม ผลของการปรับขึ้นค่าจ้างและราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ที่มีผลต่อค่าครองชีพเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

     ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลมากขึ้น จากดุลการค้าที่กลับมาขาดดุลตามมูลค่าการส่งออกที่ลดลง และการนำเข้าทองคำที่เพิ่มขึ้น แต่

     อย่างไรก็ตาม คาดว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดอาจมีการกลับมาเกินดุลได้ในไตรมาส 4ปีนี้ จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่ยังเป็นแรงส่งที่ดี

      ส่วนภาพเศรษฐกิจในเดือนส.ค. แนวโน้มเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง หากเทียบกับก.ค. ที่ผ่านมา แต่ยังต้องติดตามความไม่แน่นอนที่อาจเพิ่มขึ้น ทั้งจากการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุน ค่าจ้าง และราคาสินค้า อุปสงค์ของต่างประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย